หลังสัมภาษณ์แอร์ รอบสุดท้าย ผ่านพ้นไปแล้ว จิตใจ ที่ตื่นเต้น ตุ๊มๆต่อมๆ ก็ได้กลับมาเป็นปกติแล้ว จาก หลายวันที่ผ่านมา

แถมในใจลึกๆ ก็จะรู้สึกว่าเราได้เข้าใกล้ความฝัน ที่จะได้เป็นแอร์โฮสเตส นี้เข้าไปทุกที ทุกที

น้องๆอาจได้เป็นแอร์โดยไม่ได้ตั้งตัวเลยก็ได้ค่ะ น้องๆอาจจะเตรียมคำพูดต่างๆ เอาไว้รอ บอกกับคนในครอบครัว หรือเพื่อนๆ อยู่ว่าอาจจะต้องย้ายประเทศ ไปทำงานเมืองนอกในเร็ววันนี้ !!

หลายคนอาจจะคิดไปจนถึง เตรียมการจัดกระเป๋าเดินทาง เลยก็ได้ เช็คอากาศว่าร้อน หรือ หนาว ฤดูไหนที่เราจะคาดว่าจะได้เดินทางไปถึงที่นั่น น้องๆ อาจจะคิดไปต่างๆนานาเลยค่ะว่า อะไรมันจะเกิดต่อจากนี้นะ

หลังจากสัมภาษณ์แอร์ รอบสุดท้าย เราจะต้อง คาดหวังอะไรบ้าง ต้องรอ ผลสัมภาษณ์งาน กี่วัน รีวิว Timeline หลังสัมภาษณ์รอบไฟนอล

บทควมนี้ พี่จะอธิบายไปเป็น Step by Step เลยนะคะว่า เราจะต้อง “รอ” อะไรบ้าง หลังสัมภาษณ์แอร์ รอบสุดท้าย กับ ทางสายการบิน

ขั้นตอน การสมัคร เป็นแอร์โฮสเสต และ สจ๊วตทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยุ่งยาก และ ซับซ้อน เริ่มตั้งแต่ ส่งใบสมัครออนไลน์ จนไปถึงไปสัมภาษณ์ต่อหน้ากรรมการในวันสัมภาษณ์จริง

ไหนจะต้อง ทำการค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ อ่านรีวิว หาข้อมูลต่างๆ ทั้งในเพจ Facebook , Blog Post หรือเว็บไซต์ต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

เพื่อให้ตัวเองได้ทำความเข้าใจอย่างคร่าวๆ และเตรียมพร้อมรับมือ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันสัมภาษณ์ ของแต่ละรอบๆ ไป จนผ่านเข้าไปยังรอบสุดท้าย ถึงจะเสร็จสิ้นขบวนการ แต่ !! มันยังไม่มีเท่านั้น

เราก็ยังต้องคอยลุ้นกันต่อไปอีกว่า ผลตัดสินจะเป็นอย่างไร ซึ่งพี่ต้องยอมรับจากใจเลยว่า – ช่วงเวลาแห่งการรอคอย ผลการตัดสินว่าจะผ่าน หรือ ไม่ผ่านนี้ หลังจากสัมภาษณ์ รอบไฟนอล มานั้นทรมานสุดๆ ค่ะ !!

ต้องรอสายการบิน ประกาศผลสัมภาษณ์ประมาณกี่วัน?

น้องๆ อาจจะต้อง รอผลสัมภาษณ์แอร์ หลังจากที่ไปสัมภาษณ์รอบไฟนอล ประมาณ 1-6 สัปดาห์ ค่ะ

ซึ่ง ช่วงเวลาการรอยคอยนี้ พี่แนะนำว่า อย่าไปคิดมากค่ะ ว่าเอ้ย เราทำอะไรผิดไปบ้างไหม เดินไม่สวยรึเปล่า? พูดไม่ดีรึเปล่า ? น่าจะทำตรงนั้น น่าจะพูดอันนี้เพิ่ม รึเปล่า? คือ พี่แนะนำว่า ให้ตัดความคิดเหล่านั้นทิ้งออกไปเลยค่ะ เพราะว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเรา แถมทำให้เราเครียดไปเปล่าๆ

นี่คือสิ่งที่น้องๆ “รอ” หลังสัมภาษณ์แอร์ :

รอ โทรศัพท์ ค่ะ ขั้นตอนแรกเลยที่จะบอกว่า เราผ่าน / ไม่ผ่าน นั่นก็คือ สายโทรศัพท์ จากสายการบินค่ะ – หรือที่เราเรียกกันว่า Golden Call นั่นเอง ซึ่งจะเป็นสายโทรศัพท์เรียกเข้าจากสายการบิน มาแจ้งเราว่าเราได้ ผ่าน เข้ารอบการคัดเลือกการสัมภาษณ์

และน้องๆจะได้รับข้อมูลต่างๆ โดยละเอียดอีกครั้งทาง E-mail เกี่ยวกับวีซ่า และ เอกสารเพิ่มเติมต่างๆในวันถัดมา เบอร์นี้ที่รอคอย !!

เมื่อมีโทรศัพท์สายแปลกๆเข้ามา เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก โทรมาในเวลาแปลกๆ เช่นเช้าวันอาทิตย์ – ทางแถบประเทศอาหรับ จะเริ่มทำงานวันแรกของสัปดาห์ คือวันอาทิตย์ ให้รู้ว่า นั่นคือ Golden Call ของน้องๆค่ะ ขอให้น้องๆตั้งสติ แล้ว รับฟังให้ดีค่ะ

หลังจากวางสาย น้องๆอาจจะน้ำตาซึม ออกมาเลย เป็นน้ำตาแห่งความปิติ ยินดี ที่ได้พยายามมาจนมาถึงวันนี้ ค่ะ น้องๆทำได้แล้ว  น้องๆอาจจะ ไม่สามารถ หยุด ตอบกลับ สายทางโน้นไปนอกจากคำว่า Thank you Thank you so much I am so happy !!! ก็ได้นะคะ 🙂

* Emirate มักจะมี Golden Call สายการบินอื่นๆ ส่วนใหญ่ จะประกาศผล ทาง Email นะคะ *

หลังจาก ได้สายโทรศัพท์ จากทางสายการบินแล้ว น้องๆจะได้รับอีเมล์ แจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ว่าน้องได้ผ่านเข้ารอบ

และ ทางสายการบิน จะให้ สัญญาการจ้างงาน ให้กับน้องๆ ซึ่ง สัญญาจ้างงานในจุดนี้ จะไม่ใช่ สัญญาจ้างงานฉบับที่สมบรูณ์ เพราะจะมี การขอให้น้องๆ ไปตรวจสุขภาพ (Medical Test) เพิ่มเติม ก่อนที่สายการบินจะยื่นวีซ่าทำงานให้ เป็น Security Clearances ที่ทุกคนจะต้องทำการทดสอบ ก่อนเข้าไปทำงานประเทศนั้นๆ และนี่ คือจุดเริ่มต้นของงานนี้ ค่ะ

ตรวจสุขภาพแอร์โฮสเตส เป็นขั้นตอน หรือ Process หลังจากที่เรา ได้รับ อีเมล์ จากสายการบิน หลังการสัมภาษณ์แล้วว่า ผ่าน หรือ ที่เรียกว่า Congratulations Email

หลังจากที่อ่านรายละเอียดทั้งหมด ที่สายการบินส่งมาให้ทางอีเมล์ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง?

พี่รับรองว่า จะเป็นอาทิตย์ที่ น้องๆจะวุ่นอยู่กับการ จองนัดคุณหมอตรวจสุขภาพ กันแน่ๆ ค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นการ ตรวจ วัด หรือ แสกน ส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งน้องๆบางคนอาจจะ งงไปเลยว่า นี่จะสมัครเป็นแอร์ ต้องตรวจเยอะขนาดนี้เลยเหรอ นี่คือ List of Medical Test นะคะ ก็จะมีที่ต้องตรวจดังนี้

• ตรวจเอดส์ HIV

 • ตรวจค่าความเข้มของเลือด

• ตรวจไวรัสตับอักเสบ C

• ตรวจปอด (จะต้องไม่มีรอยใดๆ)

• ตรวจวัดการได้ยิน• ตรวจวัดสายตา

• ตรวจฟัน X-Ray ฟัน และต้องได้รับจดหมายรับรองจากทันตแพทย์

• ฉีดวัคฉีน ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน แต่ละสายการบินจะแนะนำมาอีกที

ซึ่งแต่ละสายการบิน อาจจะมีรายละเอียด ในการตรวจที่แตกต่างกันไปบ้างนะคะ ดังนั้น น้องๆต้องตรวจให้ครบนะคะ

ซึ่งการตรวจร่างกายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นนี้ เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งราคา มันก็จะแตกต่างกันไป ในแต่ละที่ ที่เราไปตรวจ แล้วแต่ว่าน้องๆ สะดวก ตรวจที่ โรงพยาบาล ไหนค่ะ

หลังจากที่น้องๆ ได้กรอกข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆที่สายการบิน ขอให้ทำมาจากทางอีเมล์ แล้ว โปรไฟล์ ของน้องๆจะ ถูกส่งไปที่ หน่วยงานรัฐ ของสายการบินนั้นๆ

โดยสารการบิน จะทำเรื่องทำวีซ่า ขอ Work Permit ให้เราต่อไป ค่ะ หลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี สายการบินจะ ยื่น สัญญา จดหมายว่าจ้างงาน ฉบับสมบรูณ์ ให้อีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว สัญญา การทำงานจะอยู่ที่ 3-5 ปี แล้วแต่สายการบินค่ะ

แล้วจะมีช่วงฝึกงาน หรือ ช่วงโปร เป็นระยะเวลา 6 เดือน และพอได้เดินทางมาถึง เบส ของสายการบินแล้ว จะต้องมาตรวจสุขภาพอีกครั้งนะคะ กับ การบินพลเรือนแห่งชาติ ของสายการบินนั้น เพื่อเอา License สำหรับทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินค่ะ ก็ตรวจแล้วตรวจอีก รักษาสุขภาพให้ดีนะคะ เพราะมีบางคน ไม่ผ่านรอบนี้ มันน่าเสียดายมากจริงๆค่ะ

หลังจากที่น้องๆ ได้ส่ง เอกสาร ผลตรวจสุขภาพ และ รายละเอียดต่างๆที่สายการบินขอให้กรอกเพิ่มเติมให้สายการบินเรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะทำเรื่อง เตรียมให้น้อง เดินทางไปทำงานที่เบส ทางสายการบิน จะส่งตั๋วเครื่องบินแบบอิเล็กทรอนิก มาให้ พร้อมทั้ง วีซ่า เข้าไประเทศ ที่สมบรูณ์ โดยสายการบินจะ ระบุรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับวันเดินทาง ที่พัก และ อะไรที่จะต้องทำบ้าง เป็น Guide Line มาให้ทั้งหมด

พอถึงจุดนี้แล้ว ที่รู้วันเดินทาง และได้รับวีซ่าเรียบร้อย แล้ว น้องๆ สามารถเริ่ม แพค ของได้เลยค่ะ โดยสายการบินจะให้โควต้า น้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้เครื่องบิน แบบพิเศษ กับเรา (หลายกิโล เลยค่ะ)

พี่ก็ขอให้น้องๆคิด ดีๆนะคะว่าเราจะต้องเตรียมอะไรไป บ้านหลังใหม่ ของน้องๆบ้าง พี่แนะนำว่า อย่าลืมพกรูป ครอบครัว หรือ บุคคลที่เรารักไปด้วยนะคะ จากบ้านนานๆ มันจะมีคิดถึงกันบ้าง

มาเริ่ม ชีวิตแอร์แขก กันค่ะ

สำหรับ เอกสารที่น้องๆ ควรพกไปด้วยกับตัว ในวันเดินทาง

มีดังนี้ :

1. ใบตรวจสุขภาพ

และ หลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ ตัวจริงทั้งหมด ว่าน้องๆ สุขภาพดี Fit to Fly จริงๆ

สายการบินจะบอกน้องๆ อีกครั้งว่า จะต้องนำไปกี่รูป ขนาดเท่าไหร่ และจะต้องมี พื้นหลังสีอะไร

3. ใบประกาศจบการศึกษาสูงสุด:

ของน้องๆ ทั้งตัวจริง และ ตัวถ่ายเอกสาร ควรเป็นภาษาอังกฤษด้วย เอาไปแปลด้วย หรือไม่ก็ขอโรงเรียน หรือ มหาลัย เวอชั่นภาษาอังกฤษมาเนาะ

4. รูปถ่ายเอกสาร พาสปอร์ตของสมาชิกในครอบครัว

อันนี้เอามา เพื่อผ่านโปรแล้ว จะได้ อัพโหลดเอกสารเหล่านี้ ทำเรื่องขอตั๋วฟรี ให้คนในครอบครัว

5. รูปถ่ายเอกสาร ใบเกิด

บางสายการบินก็ขอ บางสายการบินก็ไม่ขอ ต้องคอยอัพเดทกับสายการบินอีกทีนะคะ แต่พี่ขอแนะนำว่า เอกสารราชการ ส่วนตัวของเราทั้งหมด ควรมีเก็บไว้ ใน Cloud หรือ USB เก็บไว้ค่ะ

มาถึงตรงนี้น้องๆก็ทราบแล้วว่า เราจะต้องคาดหวัง รอ และ ต้องทำอะไรบ้าง หลังจากที่สัมภาษณ์แอร์เสร็จแล้ว และที่สำคัญ เราจะต้องควรรอผลจากสายการบิน จนถึงระยะเวลาประมาณเท่าไหร่

นี่เป็นงานที่น้องๆใฝ่ฝันหรือไม่ ? คอมเม้น ทิ้งไว้ด้านล่างนี้ได้เลย ให้จำไว้ว่า สายการบินต้องการลูกเรือเพิ่มขึ้นตลอดเวลา (เห็นได้จากที่เค้ามีการเปิดรับลูกเรือ อยู่ตลอด)

Note: ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้ ที่มีสถานะการระบาดของ เชื้อ โควิท19 อาจจะทำให้ การมารับสมัครลูกเรือ สะดุดลง หรือแม้แต่ การปลดลูกเรือ ออก ซึ่งอาจจะมองว่า เป็นขาลงในการสมัครแอร์ / สจ๊วต

แต่พี่ อยากจะให้น้องๆ พึงคิดไว้เสอมว่า การฝึกเตรียมตัวสมัครแอร์โฮสเตส ของน้องๆ จะช่วยให้น้องๆ สามารถไปสมัครงาน High Income หรือ งานที่มีการแข่งขันสูงๆ สายงานอื่นๆได้อย่าง ได้เปรียบ และ ขณะเดียวกัน เมื่อสายการบินมาเปิด น้องๆ ก็จะพร้อมอย่างจริงจัง

เราควรใช้ วิกฤตินี้ ให้เป็นโอกาส ในการเรียนรู้ ฝึกฝน การตอบคำถามสัมภาษณ์งาน ต่างๆ

พี่ขอเป็นกำลังใจให้ น้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนได้ประสบความสำเร็จ ได้ทำงานที่ตนเองใฝ่ฝันไว้ นะคะ