200 ประโยค ภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวัน
สวัสดีค่ะ น้องๆทุกคน วันนี้พี่มีประโยค ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน มาฝากกันค่ะ ซึ่งจะช่วยให้น้องๆ ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างสบายใจและมั่นใจขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ เมื่ออยู่นอกบ้านหรือทำกิจกรรมต่างๆ
พี่จะพาไปดู ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการถามทาง, การสั่งอาหาร หรือ พูดบอกความรู้สึกต่างๆ พี่มั่นใจว่าน้องๆ จะเริ่มเห็นว่าภาษาอังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่คิด
พี่หวังว่าคำแนะนำของพี่จะเป็นประโยชน์ให้น้องๆ ได้ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้นในชีวิตประจำวันนะคะ
การทักทาย/แนะนำตัว
- Hello, how are you? – สวัสดี คุณสบายดีไหม?
- I’m fine, thank you. And you? – ฉันสบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ?
- Good morning/afternoon/evening. – สวัสดีตอนเช้า/ สวัสดีตอนบ่าย / สวัสดีตอนเย็น
- Nice to meet you. My name is [Ploy]. – ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อ [พลอย]
- What’s your name? – คุณชื่ออะไร?
- Are you here on vacation or business? – คุณมาเที่ยวที่นี่หรือมาทำงาน?
- It’s been a long time! – ไม่เจอนานเลย!
- You look great! – คุณดูดีมาก!
- What have you been up to recently? – คุณทำอะไรอยู่ในช่วงนี้?
- Can I get your contact number? – ฉันขอเบอร์ติดต่อของคุณได้ไหม?
- Do you come here often? – คุณมาที่นี่บ่อยไหม?
- Let’s keep in touch. – เดี๋ยวคุยกัน ติดต่อกันนะ
- I’ve heard a lot about you. – ฉันได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับคุณ
- It’s a pleasure to meet you. – ยินดีที่ได้พบคุณ
- Let me introduce you to my friend. – ขอแนะนำเพื่อนของฉันให้คุณรู้จัก
ประโยคถาม สบายดีไหม
- What’s up? – เป็นไงบ้าง
- How’s it going? – สบายดีไหม
- How are you doing? – คุณเป็นอย่างไรบ้าง
- How’s life? – ชีวิตเป็นไงบ้าง
- What’s new? – มีอะไรใหม่ๆ ไหม
- How are you feeling? – คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
- How’s everything? – ทุกอย่างเป็นอย่างไรบ้าง
- How have you been? – คุณเป็นอย่างไรมาบ้าง
- How do you do? – สวัสดีครับ/ค่ะ (ใช้เมื่อพบกันครั้งแรก)
- How are you today? – คุณเป็นอย่างไรบ้างวันนี้
ประโยคบอก สบายดี / ไม่ค่อยสบาย
ประโยคบอก สบายดี
- I’m fine, thank you. – สบายดีค่ะ ขอบคุณ
- I’m doing well. – ฉันสบายดี
- I feel good today. – วันนี้ฉันรู้สึกดี
- I’m okay. – ฉันโอเคนะ
- I’m all right. – ฉันโอเคอยู่
ประโยคบอกว่า ไม่ค่อยสบาย
- I’m not feeling well. – ฉันไม่ค่อยสบาย
- I feel sick. – ฉันรู้สึกไม่สบาย
- I’m not okay. – ฉันไม่ค่อยโอเค
- I’m under the weather. – ฉันไม่ค่อยสบาย
- I’m feeling unwell. – ฉันรู้สึกไม่สบาย
ประโยคบอกลา เจอกันใหม่
- Goodbye! Have a great day. – บ๊ายบาย ขอให้มีวันที่ดี
- See you later! Take care. – แล้วเจอกันน้า! ดูแลตัวเองเด้อ
- Goodbye, and remember to call me. – บ๊าบาย อย่าลืมโทรหานะ
- See you later! Don’t forget our meeting tomorrow. – แล้วเจอกัน! อย่าลืมการประชุมพรุ่งนี้หล่ะ
- Goodbye! Drive safely. – บ๊ายบาย! ขับรถดีๆหล่ะ
- See you later! Have a good trip. – แล้วเจอกัน! ขอให้เดินทางปลอดภัย
- Goodbye, my friend. See you next time. – บ๊ายบาย น้าเพื่อน แล้วเจอกันอีกครั้งหน้านะ
- See you later! Have fun at the party. – แล้วเจอกันนะแก! สนุกกับงานปาร์ตี้นะ
- Goodbye! I’ll miss you. (ลาก่อน! ฉันจะคิดถึงคุณ)
- See you later! Take care of yourself. – แล้วเจอกัน! ดูแลตัวเองให้ดี
ประโยค ถามว่า เดินทางมายังไง
- How did you come here? – คุณมาที่นี่ยังไง
- Did you drive or take public transport? – คุณขับรถมาหรือใช้นั่งรถมา(ขนส่งสาธารณะ)
- How did you get here? – คุณมาถึงที่นี่ยังไง
- You drove or what? – คุณขับรถ หรือว่า อะไร อย่างอื่น
- Did you get here by BTS? – คุณมาที่นี่โดย BTS ใช่ไหม
ประโยค บอก ว่า เดินทางมาอย่างไร
- I came here using the BTS. – ฉันมาที่นี่โดยใช้บีทีเอส
- I took the MRT to get here. – ฉันนั่ง MRT มาที่นี่
- I drove myself here. – ฉันขับรถมาเอง
- I rode a motorbike here. – ฉันขี่มอเตอร์ไซค์มา
- I got here by train. – ฉันมาที่นี่โดยรถไฟ
ประโยคพูดเกี่ยวกับ กิจวัตรประจำวัน
- I wake up at 6 a.m. every day. – ฉันตื่นเวลา 6 โมงเช้าทุกวัน
- After waking up, I brush my teeth and take a shower. – ฉันแปรงฟันและอาบน้ำ
- I have breakfast with my family. – ฉันทานอาหารเช้ากับครอบครัว
- Then, I go to work. – ฉันไปทำงาน
- I have lunch at around noon. – ฉันทานอาหารกลางวันตอนกลางวัน
- In the evening, I exercise for about an hour. – ฉันออกกำลังกายประมาณหนึ่งชั่วโมง ตอนเย็น
- After that, I cook dinner. – ฉันทำอาหารเย็น
- I relax and watch TV before going to bed. – ฉันผ่อนคลายและดูทีวีก่อนที่จะไปนอน
- I read a book for a while before sleeping. – ฉันอ่านหนังสือสักพักก่อนนอน
- Finally, I go to bed at around 10 p.m. – และสุดท้าย ฉันนอนเวลาประมาณ 4 ทุ่ม
ประโยคถามทาง
- How do I get to the nearest subway station? – ฉันจะไปสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดยังไง
- Can you tell me the way to the airport? – คุณบอกทางไปสนามบินให้ฉันหน่อยได้ไหม
- What’s the best route to the shopping mall? – จะไปห้าง ทางไหนดีที่สุด
- Could you direct me to the post office, please? – ช่วยแนะนำทางไปที่ทำการไปรษณีย์ให้ฉันหน่อยได้ไหม คะ
- Do you know how to get to the park from here? – คุณรู้ทางไปสวนสาธารณะไหม (จากที่นี่)
- Which bus should I take to go to the museum? – ฉันควรจะนั่งรถเมล์สายไหนไปพิพิธภัณฑ์
- Is there a shortcut to the library? – มีทางลัดไปห้องสมุดไหม
- What’s the quickest way to get to the hospital? – ทางไหนเร็วที่สุดไปโรงพยาบาล
- Can you point me in the direction of the bank? – คุณชี้ทางไปธนาคารให้ฉันได้ไหม
- How far is the restaurant from here, and how do I get there? – ร้านอาหารอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน และฉันจะไปที่นั่นยังไง
ประโยคบอกทาง
- The bathroom is over there. – ห้องน้ำอยู่ทางนั้น
- The lift is next to the stairs. – ลิฟต์อยู่ข้างบันได
- 7-11 is right here. – 7-11 อยู่ตรงนี้เลย
- The elevator is right around the corner. – ลิฟต์อยู่มุมนั้นเลย
- To get to the BTS, go straight and then take a right. – ถ้าจะไป BTS ให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา
- The park is across from the library. – สวนสาธารณะอยู่ตรงข้ามห้องสมุด
- The coffee shop is next to the bank. – ร้านกาแฟอยู่ข้างธนาคาร
- The hospital is down this road on the right. – โรงพยาบาลอยู่ลงทางนี้ทางขวา
- The school is just behind the supermarket. – โรงเรียนอยู่ข้างหลังซูเปอร์มาร์เก็ตเลย
- The restaurant is at the end of this street. – ร้านอาหารอยู่ปลายถนนนี้
ประโยค ขอตัวกลับก่อน
- I have to go now. – ฉันต้องไปแล้ว
- I need to head out. – ฉันต้องออกไป
- Sorry, I need to go – ขอโทษนะ ฉันต้องไปแล้ว
- It’s time for me to leave. – ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว
- I should be going. – ฉันควรจะไปแล้ว
- Excuse me, I have to leave early. – ขอโทษนะ, ฉันต้องกลับก่อน
- May I be excused? – ฉันขอตัวก่อนได้ไหม
- I must be off. – ฉันต้องไปแล้ว
- Sorry, I need to leave now. – ขอโทษนะ, ฉันต้องไปตอนนี้
- I’ve got to run. – ฉันต้องรีบไปแล้ว
ประโยคบอกว่า ไม่เข้าใจ พูดอีกครั้งได้ไหม
- I don’t understand. – ฉันไม่เข้าใจ
- Can you explain that again? – คุณอธิบายอีกครั้งได้ไหม?
- I’m not sure I follow. – ฉันไม่แน่ใจว่าฉันตามทัน
- What do you mean by that? – คุณหมายความว่าอย่างไร?
- Sorry, I didn’t catch that. – ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ยิน
- I don’t get it. – ฉันไม่เข้าใจ
- Say that again, please? – พูดอีกครั้งได้ไหม?
- Can you speak more slowly? – คุณพูดช้าๆ หน่อยได้ไหม?
- Can you use more simple words, please. – ช่วยใช้คำง่ายๆ ได้ไหมคะ
- Can you repeat it, please? – คุณพูดซ้ำอีกครั้งได้ไหม?
ประโยคบอก ฉันเข้าใจแล้ว
- I got it. – เข้าใจแล้ว
- Oh, I see. – อ่อ, เข้าใจ
- Gotcha. – เก็ทๆ
- Alright. – ได้เลย
- Okay. – โอเค
- I understand now, thank you. – ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะ/ครับ
- Acknowledged. – ได้รับทราบแล้วค่ะ/ครับ
- Understood.(แบบช่อง 2) – เข้าใจค่ะ/ครับ
- Makes sense. – มีเหตุผล
- Clear now. – ชัดเจนแล้ว
ประโยคบอกว่า กลัว
- I’m scared. – ฉันกลัว
- This is frightening. – นี่มันน่ากลัว
- I feel terrified. – ฉันรู้สึกหวาดกลัว
- I’m really afraid. – ฉันกลัวมาก
- That sounds scary. – ฟังดูน่ากลัว
ประโยคกิจวัตรเกี่ยวกับการกิน การดื่ม
- I drink a glass of water every morning. – ฉันดื่มน้ำหนึ่งแก้วทุกเช้า
- I eat breakfast at 7 a.m. – ฉันทานอาหารเช้าเวลา 7 โมงเช้า
- I sip my coffee slowly to enjoy it. – ฉันจิบกาแฟช้าๆ เพื่อให้ได้เพลิดเพลิน
- I take my vitamins after breakfast. – ฉันทานวิตามินหลังจากอาหารเช้า
- I drink green tea in the afternoon. – ฉันดื่มชาเขียวในตอนบ่าย
- I snack on fruits between meals. – ฉันทานผลไม้เป็นของว่างระหว่างมื้อ
- I have a bowl of soup for dinner. – ฉันทานซุปหนึ่งชามเป็นอาหารเย็น
- I drink a cup of milk before going to sleep. – ฉันดื่มนมหนึ่งแก้วก่อนนอน
- I enjoy a glass of wine with dinner. – ฉันชอบดื่มไวน์หนึ่งแก้วพร้อมอาหารเย็น
- I sip a beer while watching the sunset. – ฉันจิบเบียร์ขณะชมพระอาทิตย์ตก
ประโยคบอก โชคดี เดินทางปลอดภัย
- Good luck. – โชคดี
- Have a safe journey. – เดินทางปลอดภัย
- Wishing you all the best on your trip. – ขอให้คุณโชคดีในการเดินทาง
- Take care and be safe. – ดูแลตัวเองและปลอดภัยนะ
- Have a great trip. – ขอให้คุณมีการเดินทางที่ดี
ประโยค การสั่งอาหาร ใน ร้านอาหาร
- Could I see the menu, please? – ขอดูเมนูได้ไหมคะ
- I would like to have chicken kaprow with rice. – ฉันขอไก่กระเพรากับข้าวค่ะ
- Can I get a coffee to go, please? – ขอกาแฟหนึ่งแบบกลับบ้านได้ไหมคะ
- I’d like a chicken wrap for takeout. – ฉันขอห่อไก่แบบกลับบ้านค่ะ
- Can I have a large fries with that, to go? – ขอเฟรนช์ฟรายส์ไซส์ใหญ่แบบกลับบ้านได้ไหมคะ
- I’m in a hurry. How long will the order take? – ฉันรีบอยู่ สั่งแล้วจะใช้เวลานานไหมคะ
- I’d like to order a pizza for pickup. – ฉันขอสั่งพิซซ่ามารับที่ร้านค่ะ
- May I have kaprow with rice and an extra sunny-side-up egg? – ขอกระเพรากับข้าวและไข่ดาวเพิ่มได้ไหมคะ
- Could I get chicken kaprow with rice and an omelet, please? – ขอข้าวกระเพราไก่และไข่เจียวได้ไหมคะ
- I’d like kaprow with extra rice, please. – ขอกระเพรากับข้าวเพิ่มค่ะ
ประโยค ชวนเพื่อนไปทานข้าว
- Do you want to grab lunch together? – อยากไปทานอาหารกลางวันด้วยกันไหม
- How about we go for a coffee break? – เราไปดื่มกาแฟ พักกันแปปนึงไหม
- Are you free for lunch today? – วันนี้คุณว่างไปทานอาหารกลางวันไหม
- Want to join me for a quick bite? – อยากมาทานอะไรเร็วๆ ด้วยกันไหม
- Shall we try that new restaurant for lunch? – เราไปลองร้านอาหารใหม่สำหรับอาหารกลางวันกันไหม
ประโยค เกี่ยวกับ มื้ออาหาร
- Is lunch ready? – อาหารกลางวันพร้อมแล้วหรือยัง?
- Do you want to eat dinner together? – คุณต้องการทานข้าวเย็นด้วยกันไหม?
- I’m hungry. Let’s go eat. – ฉันหิวแล้ว ไปกินกันเถอะ
- Have you had breakfast yet? – คุณทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง?
- What’s for dinner tonight? – วันนี้มื้อเย็นจะรับประทานอะไร?
- I’ll cook dinner tonight. – วันนี้ฉันจะทำอาหารเย็น
- Let’s grab something to eat. – เราไปกินอะไรกันเถอะ
- I’m going to the restaurant for dinner. – ฉันจะไปร้านอาหารทานมื้อเย็น
- How about a pizza night at my house? I’ll order from our favorite place. – ว่าไงถ้ามาทานพิซซ่าที่บ้านฉัน ฉันจะสั่งจากร้านโปรดของเรา
- We’re organizing a team lunch next Friday, would you like to join? – เราจะจัดงานอาหารกลางวันของทีมในวันศุกร์หน้า, คุณอยากเข้าร่วมไหม
ประโยค ว่าฉันชอบ อาหาร
- I love spicy food; the hotter, the better. – ฉันชอบอาหารเผ็ด ยิ่งเผ็ดยิ่งดี
- Can you make it extra spicy? I really enjoy the heat. – ทำให้เผ็ดมากๆ ได้ไหม ฉันชอบรสเผ็ดจริงๆ
- Noodles are my favorite, especially when they’re in a rich broth. – ฉันชอบก๋วยเตี๋ยวมาก เฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในน้ำซุปที่เข้มข้น
- I’m vegetarian, so I look for dishes without meat. – ฉันเป็นมังสวิรัติ ดังนั้นฉันจึงมองหาอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์
- I have a sweet tooth; I can’t resist desserts. – ฉันชอบของหวาน ฉันไม่สามารถต้านทานของหวานได้
- I love going to buffets because I can try a little bit of everything. – ฉันชอบไปบุฟเฟต์เพราะฉันสามารถลองทุกอย่างได้นิดหน่อย
- I love Thai food. – ฉันชอบอาหารไทย
- I love Japanese food. – ฉันชอบอาหารญี่ปุ่น
- I love spicy food. If it is not spicy, It is not yummy. ฉันชอบอาหารไทย ถ้าไม่เผ็ด ไม่อร่อย
- I love Som Tum (Papaya Salad with Fermanted Fish ). ฉันชอบกินส้มตำ ใส่ปลาร้า
ประโยค ขอบคุณ
- Thank you for your help. – ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ
- Thanks for the gift. – ขอบคุณสำหรับของขวัญ
- Thank you for coming. – ขอบคุณที่มา
- Thanks a lot! – ขอบคุณมากๆ
- Thank you very much for your kindness. – ขอบคุณมากๆ สำหรับความกรุณาของคุณ
- I really appreciate it. – ฉันขอบคุณมาก
- Thank you for everything. – ขอบคุณทุกอย่าง
- Thanks for your time. – ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณ
- Thank you for being there for me. – ขอบคุณที่เคยอยู่เคียงข้างฉัน
- Thanks a bunch! – ขอบคุณมากๆ
ประโยคปฏิเสธ ในชีวิตประจำวัน
- I’m not available to talk right now. – ตอนนี้ฉันไม่ว่างคุยนะ
- I’m busy with work. – ฉันยุ่งกับงานอยู่
- I can’t help you at the moment. – ตอนนี้ฉันไม่สามารถช่วยคุณได้
- Sorry, I have another commitment. – ขอโทษนะ ฉันมีภารกิจอื่น
- I’m not interested, thank you. – ฉันไม่สนใจ ขอบคุณนะ
- No, thank you. I’m good. – ไม่เอานะ ขอบคุณ ฉันโอเคแล้ว
- I’ll have to pass on that. – ฉันต้องขอผ่านเรื่องนี้นะ
- I don’t think I’m the right person for this. – ฉันคิดว่าฉันไม่ใช่คนที่เหมาะสมสำหรับสิ่งนี้
- Unfortunately, I won’t be able to make it. – น่าเสียดาย ฉันไม่สามารถไปได้
- I really love to do that. But unfortunately I can’t. – ฉันอยากทำมากๆเลยนะ แต่น่าเสียดายอ่ะ ทำไม่ได้
ประโยคตอบตกลง
- Sure, I’ll do it. – ได้ๆ เดี๋ยวทำให้
- Yes, I can help. – ได้ เดี๋ยวฉันช่วย
- Of course, no problem. – แน่นอน ไม่มีปัญหา
- Absolutely, I’d be happy to. – แน่นอน ฉันยินดีที่จะทำ
- Okay, I’ll take care of it. – โอเค เดี๋ยวฉันดูแลให้
- Sure thing, count me in. – ได้เลย รวมฉันด้วย
- Yes, let’s do it. – ใช่ เราทำมันเถอะ
- I’m in, what do you need? – ฉันเข้า คุณต้องการอะไร?
- No problem, I’ll handle it. – ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจัดการ
- Certainly, sir/ madam. – ได้เลยค่ะ คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง
Ploy
สวัสดีค่ะ พี่พลอย ค่ะ พี่ดีใจที่น้องๆ สนใจ ที่เข้ามาเว็บไซต์ ของพี่นะคะ ติดต่อพี่ได้ที่ E-mail : team@airkhaek.com หรือ Facebook : https://www.facebook.com/airkhaek.co ประสบการณ์ชีวิตการทำงานที่ตะวันออกกลาง : https://go.airkhaek.com/qatar-crew-life