เที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี ไปเดือนไหน มีอะไรให้ทำบ้าง ?

เที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี ? เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีทั้งหมด 4 ฤดูกาลด้วยกัน ซึ่งในแต่ละฤดูก็น่าเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกันทั้งนั้น เพราะใน 4 ฤดูนี้ ก็จะมีบรรยากาศ ที่แตกต่างกันไป รวมถึงอาหารกิน การแต่งตัว กิจกรรมต่างๆ ดังนั้นสำหรับนักเดินทางแล้วจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่จำเป็นต้องรู้ว่า เค้ามีกันกี่ฤดู มีฤดูอะไรบ้าง เพื่อให้เราได้ตัดสินใจได้ว่า เราจะเดินทางไปเที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี กันน้าา เกาหลีใต้แบ่งเป็น 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีทั้งข้อดีของตัวเอง หรือ ข้อพึงระวังที่เราต้องใส่ใจกันมากขึ้น ก่อนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว

ฤดูใบไม้ผลิ หรือ Spring

เที่ยวเกาหลี ช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน จนถึง เดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังออกดอกเบ่งบานกันทั้งประเทศ ราวกับมีใครเอาภาพวาดดอกไม้สีชมพูมาวางไว้ตรงหน้าทุกหนทุกแห่งที่เราเดินทางไป ตามถนนต่างๆที่มีต้นไม้สองข้างทาง มักจะเป็นวิวที่ดีเสมอ

สภาพอากาศในช่วงฤดูนี้เป็นช่วงอากาศที่เรียกได้ว่า เย็นสบาย ที่สุด ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป และที่สำคัญจะมีแดดออกตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นช่วงที่คนเกาหลีเอง หรือนักท่องเทียวเองให้ความนิยมออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านโดยส่วนใหญ่จะนิยมเดินทางไปเขาต่างๆ จึงทำให้อาจจะเห็นผู้คนตามสถานที่ต่างๆหนาตามากขึ้น

แต่อย่างไรก็ดี ผู้คนไม่ได้เยอะมากถึงขนาดต้องรอต่อ คิวนานๆเมื่อไปสถานที่สำคัญต่างๆอุณหภูมิโดยเฉลี่ย : 21-25°C (ในกรุงโซล)ปริมาณน้ำฝน : 47-132 มิลลิเมตร

Highlight :ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงเวลาหนึ่งสำหรับการเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงอย่างกรุงโซล หรือเมืองปูซาน ที่หันไปทางไป ก็จะเห็นดอกซากุระบานสะพรั่ง อากาศก็เย็นสบายอีกด้วย ถือเป็นช่วงเวลาที่จำได้สำรวจ หรือ ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆได้อย่างไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศ แถมเดินสบายอากาศดี เดินเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย หรือแม้แต่ความสวยงามของอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน ที่อยู่ไม่ไกลไปจากกรุงโซลมากนัก ก็น่าเดินทางไปเยี่ยมชมเช่นกัน

ฤดูร้อน หรือ Summer

ฤดูร้อนในเกาหลีใต้ เริ่มช่วงฤดูร้อนตั้งแต่ช่วงเดินกรกฏาคม ไปจนถึงเดือนสิงหาคม อากาศจะร้อนอบอ้าว ขึ้นอย่างชัดเจน คือ มักจะร้อนชื้น แต่มักจะมีฝนตกชุกด้วยเช่นกัน แต่ยังโชคดีที่ประเทศเกาหลีใต้นั้น อาจจะไม่ได้โดนพายุไต้ฝุ่นอย่างจังๆ เนื่องจากมีประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่นตั้งขนาบ จึงทำให้พายุที่เข้ามาถึงเกาหลีมีกำลังที่เบาลง ซึ่งฝนจะตกหนักและมีพายุเข้าช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ถึงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งช่วงฤดูร้อนในเกาหลีใต้ ผู้คนนิยมเดินป่า หรือเดินทางไปตามเกาะต่างๆ และยังเป็นช่วงปิดเทอม ภาคฤดูร้อนของเด็กๆเกาหลีอีกด้วย จึงทำให้ เป็นช่วงไฮซีซั่น ของการท่องเที่ยวซึ่งอาจจะทำให้ราคาสิงค้างต่างๆ ขึ้นเล็กน้อย หรืออาจจะต้องใช้เวลานานขึ้นหน่อยในการต่อคิว กินร้านเด็ด ของเกาหลี แต่ถือเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่น่าเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ในช่วงนี้ แต่อย่างไรก็ดีก็คงจะต้องเช็คสภาพภูมิอากาศให้ดีในแต่ละวัน เพราะอาจจะเจอฝนได้ง่ายกว่าช่วงเวลาอื่นๆของปีอุณหภูมิโดยเฉลี่ย : 29-32°C (ในกรุงโซล)ปริมาณน้ำฝน : 32-283 มิลลิเมตรHighlight : ในช่วงฤดูร้อนสำหรับการเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ เพราะเป็นช่วง ของลดราคากันแบบกระหน่ำ Summer sale ของจริง ซึ่งจะเริ่มลดราคากันหนักๆ ในช่วงเดือนสิงหาคม ไม่เพียงแต่จะเพลิดเพลินไปกับการเดินช๊อปปิ้งในเมืองหลวงอย่างโซล หรือ ปูซาน ซึ่งเดินตึกนี้ข้ามไปตึกโน้น หรือ จะแหล่งช๊อปปิ้งใต้ดิน ตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สำคัญต่างๆ รับรอบว่าถึงแม้ฝนจะตก แดดจะออกขนาดไหน ก็คงจะไม่กระทบกับเหล่าขาช๊อปกันมากนัก นอกจากนี้ในฤดูร้อนนี้ยังเป็นช่วงของเทศกาลปาโคลน Boryeong Mud Festivalที่เมือง โพงเรียง ซึ่งไม่ไกลจากกรุงโซล ในช่วงเดือนกรกฏาคม ซึ่งเป็นแหล่งโคลนคุณภาพดีของเกาหลีใต้ ที่นำไปทำเครื่องสำอางค์ต่างๆ

ฤดูใบไม้ร่วง หรือ Autumn

หลังจากที่พายุฝนได้ผ่านไปแล้วในช่วงฤดูร้อน ทั้งประเทศเกาหลีใต้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้น จะอยู่ท่ามกลางความโรแมนติกของใบไม้เปลี่ยนสี ไล่สีกันไป จากเหลือง ส้ม แดง ซึ่งการเปลี่ยนสีของใบไม้ และหลุดร่วงลงพื้น เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง สภาพอากาศจะค่อยๆเย็นลง แต่ไม่ถึงกับเย็นมากนัก มักจะเริ่มฤดูใบไม้ร่วงช่วงราวๆเดือนกันยายน ไปจนถึงเดือน พฤศจิกายน ช่วงฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นช่วงที่ประเทศเกาหลีใต้ สวยงาม และ โรแมนติกที่สุด ลมพัดใบไม้ปลิวไหว อากาศค่อยๆอบอุ่นขึ้น ช่วงกลางวันจะค่อนข้างอบอุ่น แต่หลังจากที่แสงอาทิตย์หมดลงอากาศจะค่อยๆ เย็นลงอย่างเห็นได้ชัด อุณหภูมิโดยเฉลี่ย : 21-28°C (ในกรุงโซล)ปริมาณน้ำฝน : 82-99 มิลลิเมตรHighlight : ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเดินทางท่องเที่ยวนอกกรุงโซล ไปยังเมืองอื่นๆรอบนอก อาทิเช่นเมืองGangwon ที่เป็นเมืองที่มีอุทยานแห่งชาติให้เลือกชมหลากหลาย และถือว่าสวยงามมากที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะเสน่ห์ของฤดูนี้อยู่ที่ใบไม้ที่เปลี่ยนสี ดังนั้นผู้คนจึงนิยมเดินทางไปยังภูเขา ที่มีต้นไม้เยอะๆ เพื่อที่จะได้ชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสี ที่สลับสีกันไปมาไล่สีกันไปทั้งภูเขา ในฤดูนี้ผู้คนนิยมเดินป่า หรือเดินเขา เพื่อได้ชมทิวทัศน์ของภูมิประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเขาNamsan ที่อยู่ในจุดสูง และเป็นที่ตั้งของหอคอยแห่งกรุงโซล หรือ ไปเดินเขา Hallasan กันที่เกาะเชจู ซึ่งจะมีเส้นทางเดินป่าทอดไปยังเนินเขาที่งดงาม ซึ่งเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างโรแมนติก นอกจากนี้ในช่วงฤดู ควรไปเยี่ยมชมเกาะทางทะเลฝั่งตะวันตกที่จะมีอาหารทะเลให้ได้ลองเลือกทานกันแบบสดๆ

ฤดูหนาว หรือ Winter

ช่วงฤดูหนาว หรือช่วงที่หลายๆคนรอคอยเพราะถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แห่งแสงไฟตกแต่งสถานที่สำคัญต่างๆ ฤดูหนาวของประเทศเกาหลีใต้ จะอยู่ระหว่างเดือน ธันวาคม ไปจนถึงเดือนมีนาคม แต่ฤดูหนาวของประเทศเกาหลีใต้ถือว่าค่อนข้างหนาวมากๆ อาจจะต้องเตรียมตัวเดินทางให้พร้อม โดยเฉพาะเสื้อผ้า ควรเป็นเสื้อกันหนาวอย่างดี แต่ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวขนาดไหน ผู้คนก็ยังสรรหาความสุข และความสนุกได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นท่ามกลางอากาศหนาวๆ พร้อมกับอาหารร้อนๆที่ขายกันริมถนน ถนนต่างๆประดับตกแต่งด้วยแสงไฟ เพราะใกล้กับเทศกาลคริสมาส และวันปีใหม่ นอกจากนี้สำหรับท่านที่ชอบกีฬาฤดูหนาว ไม่ควรพลาดการเดินทางท่องเที่ยวเกาหลีในฤดูนี้เลย เพราะกิจกรรมอย่าง เล่นสกี สโนบอร์ด หรือ ตกปลาในน้ำแข็ง จะเป็นกิจกรรมที่ทำได้แค่ในฤดูหนาวนี้ได้เท่านั้น นอกจากนี้สิ่งที่ควรระมัดระวังคือ เนื่องจากในฤดูหนาวที่ประเทศเกาหลีจะมีหิมะตกค่อนข้างหนา อาจจะทำให้ สถานที่บางแห่งนอกตัวเมืองถูกปิดการจราจร เนื่องจากหิมะที่ตกมาเป็นอย่างหนัก ควรที่จะติดตามข่าว ว่าที่ที่เราจะเดินทางไปนั้นเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวหรือไม่ แต่ถ้าจะเที่ยวแต่ในตัวเมือง ก็ไม่ถือเป็นปัญหามากนักสำหรับการเดินทาง อุณหภูมิโดยเฉลี่ย : 1-28°C (ในกรุงโซล)ปริมาณน้ำฝน : 2-47 มิลลิเมตรHighlights: ถ้าเป็นฤดูหนาวในเกาหลีใต้ ต้องไม่พลาดที่จะเล่นสกีให้ได้เมื่อมีโอกาสไปเยือน ในฤดูนี้ถือเป็นโอกาสที่สำหรับการเดินทางไปตามสกีรีอสร์ทต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่ากมากมาย ไม่ว่าอยากจะไป One day ทริปจากโซล หรือค้างคืน ซึ่งแหล่งสกีรีสอร์ท ที่มีชื่อเสียงคือในเขต Gangwon-do ซึ่งเป็นเขตที่มีหิมะตกค่อนข้างมาก พร้อมกับภูมิประเทศที่เป็นเขา จึงทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งในการเล่นสกี นอกจากนี้ในปี 2018 ที่เมืองเปียงยาง ได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาวอีกด้วย ดังนั้น กีฬาฤดูหนาวที่ประเทศเกาหลีใต้นั้น ถือเป็นไฮไลท์ของการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ นอกจากนี้ กิจกรรมอื่นๆ อาทิเช่น จับปลาในน้ำแข็งหรือ สโนบอร์ด ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

คราวนี้เรามาดูกิจกรรมน่าสนใจของแต่ในฤดูกันเลย

คราวนี้เรามาดูกิจกรรมน่าสนใจของแต่ในฤดูกันเลย

การเดินป่าและปีนเขา

การเดินป่า และปีนเขา จะสามารถเริ่มกิจกรรมนี้ได้ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน ยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีเขาจำนวนมากและเขาเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยเส้นทางธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการเดินป่าที่สามารถไปสักการะ พระพุทธรูปบนเขา แถมยังเป็นแหล่งอาศัยของกระรอก และสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ประเทศเกาหลีใต้ 65 เปอร์เซ็นต์ของภูมิประเทศประกอบไปด้วยเขาน้อยใหญ่ ซึ่งมักจะอยู่ในเขตที่ค่อนข้างห่างไปจากตัวเมือง ด้วยความที่ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นเขาน้อใหญ่ จึงทำให้มีเส้นทางเดินป่า ค่อนข้างมาก จริงๆแล้วเราสามารถเดินทางไปปีนเขาได้แทบจะทุกฤดู ไม่ว่าจะฤดูในของปีนก็สามารถไปปีนเขาได้ ซึ่งแต่ละฤดูก็จะให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป แต่ในช่วงฤดูร้อน มักจะเป็นช่วงที่มักมีฝนตกชุกในประเทศเกาหลีใต้จึงทำให้ในช่วงฤดูร้อนไม่ได้รับความนิยมมากนัก เพราะว่าอาจจะเกิดอันตรายได้มากกว่า ไม่วาจะเส้นทางที่เกิดตัดขาดจากฝน หรือว่าอันตรายจากพื้นดินที่ลื่นจากฝนตก จึงทำให้ ได้รับความนิยมน้อยสุด ส่วนฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูที่แทบจะเจอคนเกาหลีทั้งประเทศบนเขา (อิอิล้อเล่น) คือฤดูใบไม้ร่วงจะได้รับความนิยมอย่างมากในการปีนเขาเนื่องจากเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี หันไปทางไหนก็จะได้วิวที่สวยงามาไปหมด จึงทำให้ได้รับความนิยมมาก นอกจากนี้ช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ อาจจะมีกระรอกออกมาให้พบค่อนข้างมากในระหว่างทางเนื่องจากพวกมันต้องคอยตุน อาหารไว้สำหรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึงนั่นเองคนเกาหลีส่วนใหญ่มักมีความเชื่อว่า ถ้าได้เจอฝูงกระรอก จะโชคดี ส่วนจะตัดสินใจปีนเขาไหนนั้น ขอบอกได้คำเดียวเลยว่า เขาไหนก็ได้ สวยหมดที่จะเดินทางไปสำรวจ ซึ่งแต่ละภูเขาก็จะมีความงามที่แตกต่างไป อย่างเช่น ภูเขา Seoraksan ที่ได้ขนานามว่า Snowy Crags Mountain เนื่องจากเป็นภูเขาหินผาที่หิมะปกคลุม ที่สูง และ เป็นเอกลักษณ์ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการดูแลภายใต้ UNESCO

ซึ่งเขาต่างๆที่ได้รับความนิยมไม่เพียงแต่จะอยู่ห่างไปนอกเมือง ในเมืองเองก็ยังเป็นเขา แถมมีภูเขาให้ปีนกันอีกด้วย นั่นก็คือ Bukhansan เขาที่อยู่ในตัวเมืองโซล นั่นเอง ซึ่งได้รับขนานามว่า เป็น ปอดของกรุงโซล นอกจากนี้สำหรับท่านที่ชอบแสวงบุญ ปีนเขาไปไหว้พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนเขา ไม่ควรพลาด การเดินทางไปที่ Songnisan ยอดเขาที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุด ส่วนในฤดูหนาว เราอาจคิดว่าจะเป็นไปได้เหรอ สำหรับการปีนเขา เป็นไปได้จ๊ะ ซึ่งนักเดินเขาส่วนใหญ่นิยมไปเจอกับสิ่งนี้ นั่นก็คือ ดอกไม้ฤดูหนาว หรือ Winter Flower ซึ่งจริงๆแล้วก็คือกิ่งไม้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะนั่นเอง ซึ่งสวยไปอีกมุมนึง เขาที่ได้รับความนิยมไปในฤดูหนาว ได้แก่ Jirisan, Naejangsan, Hallasan, Taebaeksan, และ Deogyusan นั่นเอง

เทืองเขาHalla เป็นเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ และมักเป็นที่ที่จัด เทศกาลหิมะ ในทุกๆปี เริ่มตั้งแต่เดือน มกราคม ไปจนจึงเดือน กุมภาพันธ์ แต่น่าเสียดายที่ในบางปี ฝนเกิดตกลงมา จึงทำให้ทางการเกาหลีใต้ได้ยกเลิก กิจกรรมนี้ แต่ก็ยังได้รับความนิยมสำหรับคนเกาหลีอยู่ดีที่ ถึงแม้จะไม่มีเทศกาลหิมะประจำปีอีกแล้ว แต่คนก็ยังนิยมไป เล่นสไลด์บนน้ำแข็ง หรือว่าปั้นตุ๊กหาหิมะ กันอยู่ทุกปี ท้ายสุด การเดินป่าในประเทศเกาหลีใต้ข้อควรระวังคือ ให้ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอด้วย ที่อาจจะไปป๊ะ กันได้เนื่องจาก งูก็ชอบออกมาอาบแดด อุ่นๆ เช่นกัน

เก็บลูกแปะก๊วย

แปะก๊วย ผลไม้ที่ข้างนอกมีกลิ่นเหม็นเน่า มันยากที่จะเชื่อว่า เนื้อข้างในนั้นมีรสชาติที่อร่อย ถ้าไม่เคยลอง หรือ ไม่เชื่อ แนะนำให้มาลองเก็บลูกแปะก๊วยกัน ในฤดูเก็บเกี่ยวลูกแปะก๊วย อาจจะทำให้เหม็นคละคลุ้งกันไปทั้งแถบๆ ซึ่งกิจกรรมนี้มักจะเริ่มกันช่วงเดือน ตุลาคมของทุกปี แต่ยังดีแต่ กลิ่นมันแค่เหม็นแค่ด้านนอกของเมล็ดแปะก๊วย เท่านั้น การกระเทาะลูกแปะก๊วย อาจจะต้องใช้ความขำนาญหรือความอดทนกันสักหน่อย เนื่องจากมีเปลือกที่แข็ง แต่รับรองว่าถ้าแกะเปลือกนอกออกได้แล้วก็จะพบกับเนื้อใน ซึ่งนั่นก็คือเมล็ดแปะก๊วยนั่นเอง ที่จะมีลักษณะที่ นิ่มกว่า แต่มีรสขมนิดๆ นิยมนำไปคั่ว หรือผ่านความร้อน ซึ่งจะทำให้รสขมนี้เบาลง และมีรสชาติที่มันๆ อร่อยๆ บางท่านอาจเคยเห็นรถเข็นคั่วลูกแปะก๊วย ตามถนน ขายเหมือนกับขนมคบเคี้ยวอย่าง เกาลัด ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูหนาว โดยเฉพาะตั้งแต่เดือน ตุลา ไปยันเดือน ธันวาคม ของทุกปี เนื่องจากเป็นฤดูกาลของมัน ซึ่งจริงๆแล้วถืงแม้จะเอามาอบเป็นขนม หลายๆท่านก็อาจจะไม่ชอบรสชาตืของลูกแปะก๊วยอยู่ดี แต่ถ้าได้มีโอกาสและไปเจอ ก็ควรจะลองทานสักครั้งนึงเพราะมันไม่ได้แค่ให้แค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยวิตตามิน และ คุณประโยชน์อื่นๆ อีกหลายอย่างที่คนเกาหลีเค้าเชื่อกันมา

กิจกรรมไปดูกระรอก และ ชิปมังก์

เนื่องจากคนเกาหลีใต้ส่วนมาก มีความเชื่อกันว่า ถ้าเจอฝูงกระรอกแล้วจะโชคดี ซึ่งความเชื่อนี้ นักเรียน หรือเด็กนักศึกษานี่เชื่อกันอย่างมาก ว่าถ้าเจอ เจ้ากระรอกแล้วเนี่ย จะโชคดี ถ้าเจอก่อนสอบนี้ สอบได้คะแนนดีแน่นอน แต่การที่จะเจอ กระรอกหรือชิปมังก์ (กระรอกอีกสายพันธุ์หนึ่งที่น่ารัก)ที่ประเทศเกาหลีเนี่ย ถือว่าค่อนข้างยาก แต่ ก็ไม่ถึงกับจะเป็นไปไม่ได้เลยสะทีเดียว มันก็ยังคงมีให้เห็นบ้างโดยที่ไม่จำเป็นต้องถึงกับไปปีนป่า ซึ่งในเมืองหลวงอย่างกรุงโซลเอง ก็มีเขตที่เป็นธรรมชาติ ถึงแม้จะเป็นธรรมชาติในตัวเมืองแต่ก็ยังคงมีเจ้ากระรอกน้อย หรือ ชิปมังก์ให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็มีอยู่สถานที่หนึ่งที่ว่าถ้าไปแล้วยังไง๊ ยังไง ก็จะได้มีโอกาสเจอกับเจ้ากระรอกแน่นอน นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติ โซรักซาน Seoraksan เพราะพวกมันชอบความอุดมไปด้วยธรรมชาติของ อุ่ทยานแห่งชาติแห่งนี้เอามากๆ คือถ้าได้ไป อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ รับรองได้ว่า จะเจอกระรอกน้อยนี้ แบกความโชคดีกลับบ้านแน่ๆ แต่ยกเว้นไว้อยู่ฤดูเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ฤดูหนาว จร้าาา เพราะเนื่องจากอากาศที่หนาวจัด อาหารน้อยลง พวกมันจึงจำศิลอยู่ในโพรงใต้ดิน เลยทำให้ค่อนข้างยากที่จะเจอพวกมันในฤดูนี้นั่นเอง ส่วนฤดูที่ ยังไง ก็ได้เจอแถมได้เจอเยอะด้วยนี่ต้องยกให้กับฤดูใบไม้ร่วงเพราะพวกมันต้องออกมาหาอาหาร เตรียมเสบียงไว้สำหรับฤดูหนาวนั่นเอง

เทศกาลต้นอ้ออ่าวซุนชอน

เทศกาลต้นอ้ออ่าวซุนชอน

ประเทศเกาหลีใต้เป็นแห่งของวัชพืชอย่าง ต้นอ้อ แหล่งใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งของโลกกันเลยทีเดียว ซึ่งที่บอกว่าใหญ่นี่ ทะเลชายฝั่งเมือง Suncheon มีต้นอ้อนี้รวมเป็น 5.4 ตารางกิโลเมตรกันเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อมันอยู่รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก หันไปทางไหนก็เห็นเป็นทุ่งต้นอ้อ สุดลูกหูลูกตา ตัดกับน้ำทะเล และขุนเขา จึงทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวป่าชายเลนแหล่งใหม่ที่ผู้คนให้ความสนใจ โดยเฉพาะเหล่านักถ่ายภาพ ที่ชอบความงาม และ วิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ พร้อมทั้งได้เรียนรู้ระบบ นิเวศน์ของสัตว์ เล็กสัตว์น้อย ที่อาศัยอยู่ใต้ต้นอ้อ ที่เป็นดินโตลน จึงทำให้ ได้รับความนิยมในการเดินทางไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ด้วยความที่ระบบนิเวศน์ค่อนข้างสมบรูณ์แบบ จึงทำให้มีเหล่านกนานาพันธุ์ที่ ขึ้นชื่อว่าค่อนข้างหายาก อาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่วาจะเป็น นกกระเรียนหมวกขาว, นกกระเรียนคอขาว, นกกระสาขาว, นกปากช้อนหน้าดำ ,นกมิยาโกะ หรือ นกปากซ่อม รวมไปถึงเป็ดป่า ที่จะออกมาหาอาหารให้เห็น ซึ่งราวๆเดือนตุลาคมของทุกปี จะมีเทศกาลต้นอ้ออ่าวซุนซอน จัดขึ้น ซึ่งทำให้ มีนักท่องเที่ยวท้องถิ่นก็ดี หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาชมความงดงามของต้นอ้อสีเหลืองอร่าม เป็นทางยาวให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม เป็นระยะทางถึง 1.2 กิโลเมตร กันเลย นอกจากนี้ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูร้อน ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยี่ยมชมต้นอ้อเหล่านี้ ซึ่งจะมีสีเขียวตัดกับท้องฟ้าที่สดใส ให้อารมณ์ไปอีกแบบ ซึ่ง เราสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแหล่งใหม่นี้ได้ตั้งแต่เดือน เมษายน ไปจนถึงเดือน ตุลาคม

เทศกาลเก็บลูกพ​ลับ

ด้วยความที่ประเทศเกาหลีมี 4 ฤดู จึงทำให้มีผลไม้ที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วงผลไม้ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้เยอะมากๆ หรือ จะเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่กินสดๆ อร่อยที่สุดเห็นจะเป็น ลูกพลับ ซึ่่งต้นพลับมีลักษณะเป็นไม้ยืนต้น 1 ต้นสามารถผลิตลูกพลับได้เป็นร้อยๆ ลูก ถ้าใครได้ไปเกาหลีใต้ในช่วงฤดูนี้ ขอแนะนำให้ไปทานลูกพลับจากต้นสดๆ หรือถ้าใครไปนอกฤดูใบไม้ร่วง ลูกพลับแห้ง ก็ถือว่าอร่อยมากเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว คนเกาหลีมักจะทานลูกพลับกันแบบสดๆ เหมือนผลไม้ทั่วไป ทั้งยังนำเอาไปประกอบอาหารต่างๆด้วยไม่ว่าจะเป็น เอาไปทำสลัด เอาไปทอด(เหมือนกับเทมปุระ โดยเฉพาะในภัตตาคาร)หรือจะเอาไปแปรรูปไปเป็นแยม ก็มีให้เห็น แต่ที่นิยมกันมากๆเลย แบบว่าฮิตจริงๆ เห็นจะเป็น เอาไปทำแห้ง เป็นลูกพลับแห้ง ที่เรียกกันในภาษาเกาหลีว่า Gotgam ซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่มีราคาแพง คนนิยมซื้อฝากกันในโอกาสพิเศษ ลักษณะของลูกพลับอบแห้งเกาหลีนี้ เหมือนลูกพลับที่ปอกเปลือกแล้วถูกรีดให้แบนๆ ผิวจะมีแป้งๆ ซึ่งไม่ใช่เชื้อราไม่ต้องตกใจ อิอิ จะมีรสชาติหวานธรรมชาติ และมีลักษณะเนื้อสัมผัสที่เหนียวๆ เคี้ยวเพลินๆ ซึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงในการทำลูกพลับแห้ง หรือ ที่คนเกาหลีเรียกว่า Gotgam เนี่ย คือ เมือง Sangju ซึ่งเป็นเมืองที่ผลิตลูกพลับมากเป็น 70%ของทั้งประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเกษตกรที่ปลูกลูกพลับจะทำการเก็บเกี่ยวลูกพลับนานถึง 2 สัปดาห์ จากนั้นจะทำการปอกเปลือกลูกพลับ เพื่อเตรียมสำหรับการทำลูกพลับแห้ง ด้วยเครื่องปอกลูกพลับ หลักจากนั้นก็จะต้องทำการตากมัน ทีละลูก ทีละลูกด้วยมือ ซึ่งเป็นการตากลูกพลับแบบเฉพาะของชาวเมือง Sangju ซึ่งจะทำการตากลูกพลับประมาณ 2 เดือนด้วยกัน ซึ่งเค้าจะแบ่งกันเป็น 2 รุ่น คือรุ่นที่ตากไปแล้ว 40 วัน กับ รุ่นที่ตากนานถึง 60 วัน ที่เรียกว่า Gotgam นั่่นเอง ระยะเวลาที่จะเก็บลูกพลับนั้นจะอยู่ในช่วงเดือน ตุลาคม ยาวไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน นั่นเอง ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงกินสด ส่วนสำหรับท่านที่โชคดีได้เดินทางไปเกาหลีใต้ในช่วงนี้ก็สามารถเดินทางไปดูวิธีการอบลูกพลับแห้ง ที่เรียกว่า Gotgam ได้ในช่วงเวลานี้ แต่อาจจะไม่ได้ชิมนะ เพราะต้องตากถึง 2 เดือน แต่สักช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน จะสามารถทานรุ่นที่ตาก 40 วันหรือที่เรียกว่า semi gotgam ได้ ส่วนท่านที่อยากจะชิม gotgam นั้น เห็นว่าจะต้องเดินทางไปเกาหลีช่วงประมาณเดือนธันวาคม น่าจะเป็นโอกาสดีที่สุดค่ะ

เทศกาลเห็ดสน (Songi)

ประเทศเกาหลีใต้มักจะทานอาหารเป็นยา ดังนั้นพืชผักผลไม้ต่างๆ มักมีเชื่อว่าจะมีสรรพคุณที่ต่างกันออกไป รวมทั้งเห็ดสนด้วย เห็ดสนที่ประเทศเกาหลีถือเป็นอาหารที่ล้ำค่า เพราะเป็นเห็ดหายาก แถมยังมีรสชาติที่อร่อย และเชื่อกันว่ามีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายต่างๆอีกด้วย โดยที่เจ้าเห็ดสนชนิดพิเศษนี้จะเติบโตแค่ในป่าสนแดง ในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น จึงทำให้กลายเป็นเห็ดที่หายาก เพราะจะมีมาให้เก็บเกี่ยวก็แค่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง นอกจากรสชาติที่อร่อยนี้แล้ว ยังมีสรรพคุณต่อต้านเชื้อมะเร็ง ป้องกันความดันโลหิตสูง อีกด้วย จึงทำให้ราคาเห็ดสนแพงมาก ด้วยความที่มีปริมาณที่จำกัด แต่มีความต้องการทางตลาดที่สูงมาก ในช่วงเทศกาลเก็บเห็ดสน มีการจัดกิจกรรมเก็บเห็ดในป่าสนแดง โดยที่ผู้คน หรือ นักท่องเที่ยวสามารถไปเก็บเห็ดชนิดนี้ได้ในป่า ซึ่งจะได้ฟิลลิ่งเหมือนการเดินป่าสนไปด้วย แถมยังได้เก็บเห็ดสนอีกระหว่างทาง เพียงแต่อาจจะต้องระวังกันหน่อยว่าจะไม่สับสน และเก็บเห็ดชนิดอื่นมาแทน ซึ่งอาจจะมีพิษได้ ทิปง่ายๆก็คือเห็ดสน จะเกาะอยู่กับต้นส้น ถ้าเพียงแต่รู้ว่าต้นสนเป็นอย่างไร ก็คงจะเก็บเห็ดถูกชนิด แต่สำหรับท่านที่ไม่แน่ใจ ก็สามารถซื้อเห็ดชนิดนีั อุดหนุน คนท้องถิ่นเค้าได้เช่นกัน โดยทั่วไปแล้วเห็ดชนิดนี้มักนำมาประกอบอาหารโดยการ สไลด์บางๆ แล้วนำไปย่างแค่นี้ก็อร่อยแล้ว แต่สำหรับบางคนเชื่อว่าถ้าได้เอาไปผัดกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ จะอร่อยมากขึ้น แถมยังมีสรรพคุณมากกว่าแค่การย่างอีกด้วย

เทศกาล ระบำหน้ากาก Andong หรือ Andong Mask Dance Festival

เทศกาลระบำหน้ากาก Andong นี้เป็นงานใหญ่ระดับโลกของเกาหลีที่จะจัดขึ้นทุกปี ราวๆเดือนกันยายนของทุกปี ซึ่งจะขึ้นขึ้นที่เมืองAndong จังหวัดGyeongsangbuk-do ที่หมู่บ้านวัฒนธรรม Hahoe ซึ่งในจังหวัด Gyeongsangbuk-do แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ต้นกำเนิดของลัทธิขงจื้อ ในประเทศเกาหลีใต้มาก่อน จึงทำให้เทศกาลระบำหน้ากากนี้ได้รับอิทธิพลมาด้วย จนทำให้เทศกาลระบำหน้ากากนี้มีสโลแกน ที่ว่า สุขให้สุดใจ เทศกาลระบำหน้ากาก Andong เดิมจัดขึ้นเพื่อสืบสานการระบำหน้ากากกันเองในประเทศเกาหลีเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน มีการจัดงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกกันเลยทีเดียว ซึ่งการรำบำหน้ากากไม่ได้มีให้ชมเพียงหน้ากากชนิดเดียวนะ แต่ยังมีการระบำหน้ากากแยกย่อยไปอีกหลายๆชนิดหน้ากาก ที่มีชื่อเรียกเฉพาะแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น Songpa Sandae, Kwanno, Kangrung, Unyul, Pongsan, Suyoung Yaryu ซึ่งหน้ากากแต่ละชนิดก็จะมีการแต่งตัว หรือ ท่วงท่าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งไฮไลท์ของงานไม่เพียงแต่จะเป็นการระบำหน้ากากเท่านั้น แต่ยังมีการแสดงชนิดอื่นๆให้ชมอีก ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมานั้น บรรเลงโดยเครื่องดนตรีพื้นบ้าน และเพลงพื้นบ้านเกาหลี นอกจากนี้ที่หมู่บ้าน Hahoe จะมีการจัดการแสดงระบำหน้ากากแล้ว ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้สามารถเดินทางไปชมได้ช่วงประมาณเดือนกันยายน ไปจนถึง ต้นเดือนตุลาคม

เทศกาลโคมไฟ Jinju Namgang Yudeung

ด้วยจำนวนโคมไฟที่ประดับตกแต่ง หลากหลายสีสัน หลากหลายรูปแบบที่ Jinju Namgam แห่งนี้ สามารถทำให้คุณตื่นเต้นกับแสง สี เสียงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเอง หรือ คนเกาหลีท้องถิ่น ก็ต่างประทับใจกับการจัดแสดงโคมไฟแห่งนี้แน่ เพราะเค้าจัดแสดงโคมไฟแบบอุโมงค์ บนน้ำ บนบก แถมทั้งยังสอดแทรกประวัติศาสตร์ความเป็นมาว่า ทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงมีการจัดแสดงโคมไฟเกิดขึ้นย้อนยาวไปตั้งแต่สมัยที่ญี่ปุ่นมาล่าอาณานิคมเกาหลี เมื่อปี 1592 สมัยนั้นผู้คนส่งสัญญาณลับกันด้วยแสงจากโคมไฟ ข้ามฝั่งแม่น้ำ Namgang เพื่อเป็นการส่งสารให้รู้เฉพาะคนในกลุ่มเท่านั้น ซึ่งงานแสดงโคมไฟที่นี้ ยังจัดขึ้นเพื่อระรึกถึงทหารเกาหลี ที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อให้ได้ดินแดนของตนเองคืนมาจากญี่ปุ่นกว่า 70,000 คน ถือเป็นเทศกาลที่ไม่ได้แค่ความสนุกเท่านั้น แต่ยังทำให้เราได้เรียนรู้ความเป็นมาของวัฒนธรรมเกาหลีอีกด้วยว่า เกิดอะไรขึ้นในยุคนั้น เพราะธีทการจัดแสดงโคมไฟต่างๆ เค้าได้พยายามถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟังจากการจัดการแสดงสอดแทรกเข้ามาด้วย เทศกาลโคมไฟ จะมีการจัดขึ้นประมาณปลายเดือน กันยายน ไปจนถึงเดือน ตุลาคมของทุกปี ที่บริเวณแม่น้ำ Jinju Namgang

เทศกาลสาดโคลน

เทศกาลสาดโคลนที่เกาหลีใต้ หะอะไรนะโคลนหรือน้ำ โคลนจ๊ะ โคลน ถ้าสาดน้ำเห็นว่าจะต้องมาสาดกันที่ไทย อิอิ เทศกาลสาดโคลนที่เกาหลีจะจัดยาวไปเลย 10 วัน ซึ่งเทศกาลสาดโคลนนี้ เรียกกันว่า สาดกันเละเทะ เลอะเทอะกันไปทั้งตัว โดยที่ไม่ต้องกลัวเลอะกันอีกแล้วเพราะยังไงมันก็เลอะแน่ๆ บางครั้งเทศกาลแบบนี้มันก็เหมือนทำให้เราได้เป็นเด็กอีกครั้ง เลอะ เลอะแล้วไง ใครๆเค้าก็เลอะกันทั้งงาน ซึ่งภายในงานก็มีการตระเตรียมสถานที่ให้ผู้เข้าร่วมงานไม่ว่าจะเป็น บ่อโคลน หรือ สไลเดอร์ต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการเปิดเพลง และ พลุไฟตอนเย็นด้วย ซึ่งเทศกาลโคลนนี้จะจัดกันที่เมือง Boryeong, จังหวัด Chungcheongnam-do ที่ชายหาด Daecheon Beach ซึ่งเป็นหาดที่ยาวที่สุดทางฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีคนเข้าร่วมเทศกาลสาดโคลนนี้ล้นหลามทุกๆปี และควรที่จะจองโรงแรมใกล้เคียงกันตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเทศกาลสาดโคลน มักจะจัด ช่วงเดือนกรกฏาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศเกาหลีใต้

เทศกาลน้ำแข็ง Hwacheon Sancheoneo Ice Festival

เทศกาลน้ำแข็ง Hwacheon Sancheoneo Ice Festival

เทศกาลหิมะในฤดูหนาว ต่างเป็นกิจกรรมที่ทุกคนรอคอย ที่จะเล่นสนุกบนหิมะ หรือน้ำแข็ง ซึ่งรวมถึงเทศกาลน้ำแข็ง Hwacheon Sancheoneo Ice Festival ที่เกาหลีด้วย ที่จัดเป็นประจำทุกปี ถ้าคุณยังไม่เคยลองเล่นสไลเดอร์บนน้ำแข็ง ฟุตบอลบนน้ำแข็ง หรือแม้กระทั่ง ตกปลาบนน้ำแข็ง ขอให้เดินทางมาสัมผัสกิจกรรมบนน้ำแข็งเหล่านี้ได้ที่เทศกาลน้ำแข็งแห่งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเทศน้ำแข็งนี้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันจับปลาด้วยมือเปล่าในบ่อน้ำเย็นจัดที่จัดขึ้นภายในงาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแข็งขัน หรือ ผู้เข้าชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่มางานนี้คือ การตกปลาบนบ่อน้ำแข็ง ซึ่งคุณไม่จำเป็นจะต้องมีประสบการณ์การตกปลาอย่างชำนาญ ก็สามารถสนุกกับประสบการณ์นี้ได้เพราะทุกคนสามารถตกปลาในบ่อน้ำแข็งนี้ได้ง่ายๆ เพียงแค่ตัดน้ำแข็งให้เป็นรูลงไปใต้น้ำ และหย่อนเยื่อลงไปในรู เท่านี้เอง และหลังจากนี้สามรถตกปลาได้แล้วนั้น ยังมีร้านอาหารภายในงานที่รับบริการปรุงปลาที่เราตกได้ให้รับประทานกันอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไม่สามารถตกปลาได้ เนื่องจากบางทีปลามักจะอาศัยกันเป็นฝูง ก็ไม่ต้องคิดมากว่าตกไม่เก่ง จริงๆมันก็อยู่ที่โชคช่วยด้วยเหมือนกัน มากกว่าทักษะการตกปลาเทศกาลน้ำแข็งนี้ มักจะจัดทุกปี ช่วยกลางฤดูหนาวของทุกปี ซึ่งจะต้องมั่นใจว่าจะต้องหนาวระดับนึง เพราะเทศกาลตกปลานี้ จะต้องรอจนกว่าหิมะในแม่น้ำ เย็นจนกลายเป็นน้ำแข็งที่หนาพอสมควร ดังนั้นสำหรับท่านที่กังวลเรื่องความปลอดภัย สามารถคลายกังวลกันได้เลย เพราะเค้าได้ทำการทดสอบให้มั่นใจแล้วว่า แผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุมแม่น้ำนั้น หนาพอที่จะจัดกิจกรรมดังกล่าว จริงๆ

เที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี

เทศกาลชมดอกซากุระ

เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง เมืองทั้งเมืองก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นเมืองแห่งเทพนิยายได้ เพราะมีดอกไม้ที่บานสะพรั่งกันไปทั้งเมือง นั่นก็คือ ดอกซากุระ ในช่วงเทศกาลนี้ เรียกกันได้ว่าต้นไม้ทั้งต้นปกคลุมไปด้วยดอกไม้สีชมพูนวล ไปทั้งต้น และทุกต้นทั่วทั้งเมือง ซึ่งช่วงดอกซากุระบาน จะบานช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคม จากทางใต้ของประเทศที่มีอากาศอบอุ่นกว่า เรื่อยมาจนถึงทางเหนือของประเทศ ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน นอกจากนี้ในฤดูใบไม้ผลิที่ประเทศเกาหลีใต้ ยังมีการจัดกิจกรรมมากมายเพื่อประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวของแต่ละเมืองมากมายเต็มไปหมด ซึ่งที่พลาดไม่ได้ต้องขอยกให้ เทศกาลชมดอกไม้ Jinhae Cherry Blossom Festival ซึ่งจะจัดประมาณต้นเดือนเมษายนของทุกปี ที่สถานี Gyeonghwa ซึ่งงานนี้จะมีต้นซากุระให้ชมยาวเป็นกิโลๆ ทั้งสองข้างทางถนน นอกจากนี้สำหรับใครที่ต้องการชมดอกซากุระพร้อมกับวิวธรรมชาติที่น่าตื่นตา ต้องขอแนะนำให้ไปที่ Hwagae Cherry Blossom Festivalในเขต Gyeongju หรือจะไปชมดอกซากุระกันที่ทะเลสาบ Bomun ในหมู่บ้านชาวพื้นเมือง Andong Hahoe (ที่เดียวกับที่แสดงระบำหน้ากาก)และที่แน่นอน รอบๆ กรุงโซล ก็มีเทศกาลชมดอกซากุระที่พลาดไม่ได้ที่ Yeouido Spring Flower Festival

เทศกาลชมดอกคาโนลา (ยูแซ)

เทศกาลชมดอกคาโนลา (ยูแซ)

เทศกาลชมทุ่งดอกคาโนลา หรือที่เรียกกันภาษาเกาหลีว่าดอกยูแซ สีเหลืองสดใส บนเกาะเชจู เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในประเทศเกาหลีใต้ อากาศจะค่อยๆอบอุ่นขึ้นจากตอนใต้ของประเทศก่อน ซึ่งเกาะเชจู ก็ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งทางตอนใต้ของเกาหลี ที่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ก่อนใครๆเค้าซึ่งเมื่อความอบอุ่นมาเยือน ดอกไม้อย่างดอกคาโนลาหรือ ดอกยูแซ ก็ค่อยๆออกดอก สีเหลืองสนใส อร่ามเต็มท้องทุ่ง ของเกาะเชจู ตัดกับท้องฟ้าสีสดใส กับใบไม้ใบหญ้าที่ยังคงเป็นสีน้ำตาลแห้งจากอากาศหน้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิวที่ค่อนข้างสวยงามมาก ซึ่งจะดอกคาโนลา จะเริ่ม ออกดอกในช่วงวันสุดท้ายของเดือนมีนาคม ไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ถ้าใครได้มีโอกาศเดินทางไปทางตอนใต้ของเกาหลี ก็สามารถมาสัมผัสกับ ความสวยงามของเหล่าธรรมชาติในฤดูใบไม้ผลิได้ก่อนใครที่เกาะเชจู ซึ่งจุดชมวิวดอกคาโนลาที่สวยที่สุด ต้องยกให้เมือง Seogwipo ซึ่งเป็นสวนรูปปั้นเชจู ( Jeje Sculpture Park ) ซึ่งเป็นหนึ่งสถานที่ที่จัดให้ชมเทศกาลดอกคาโลลา นอกจากนี้ยังสามารถไปชมความสวยงามของดอกคาโนลาได้อีกที่ เขา Sanbangsan , Seongsan Ilchulbong, Seopjikoji, หรือถนนสุดโรแมนติกอย่างถนน Noksan-ro ที่มีดอกคาโนลา ตัดกับดอกซากุระให้เห็นด้วย ซึ่งด้วยความสุดโรแมนติก ในช่วงเวลาที่ดอกคาโนลาบาน นี้จนทำให้มีหนังภาพยนต์เรื่องดังอย่างเรื่อง “All In” ได้มาถ่ายทำในสถานที่แห่งนี้ด้วย