ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณ คำถามสัมภาษณ์งานนี้ จะ ตอบ อย่างไร

ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณ ภาษาอังกฤษ คือ Why we have to hire you? คำถามสัมภาษณงาน ที่ทำให้ หลายๆคน ไม่ผ่านสัมภาษณ์ งานกันมาบ้างแล้ว เพราะไม่ได้เตรียมตัวให้ดี ว่าจะโดนคำถามนี้ ซึ่ง คำถามสัมภาษณ์งานตระกูล ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณนี้ มีหลาย รูปประโยคภาษาอังกฤษมากๆ ซึ่งเรา List มาให้แล้ววันนี้

ตัวอย่าง คำถามสัมภาษณ์งาน

1. ทำไมบริษัทเราต้องเลือกคุณ
   ภาษาอังกฤษ: Why should our company choose you?
2. ทำไมบริษัทเราถึงควรจ้างคุณ 
   ภาษาอังกฤษ: Why should our company hire you?
3. ทำไมเราต้องรับคุณเข้าทำงาน 
   ภาษาอังกฤษ: Why do we have to accept you to work?
4. ทำไมถึงเราต้องจ้างคุณ 
   ภาษาอังกฤษ: Why should we hire you?

คำศัพท์ที่เป็นประโยชน์

• Hire แปลว่า จ้าง
• Choose แปลว่า เลือก
• Accept แปลว่า รับ

ตอบให้ตรงประเด็น

จงตอบให้ตรงประเด็นว่า คุณเหมาะสมยังไง โดยยก คุณสมบัติเด่นตัวเอง มาพูด อย่างน้อย 3 ข้อ

เราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราคือคนที่เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งงาน โดยการแสดงว่าเรารู้จักตัวเอง อย่างไรก่อน

แสดงความเป็นมืออาชีพ

ไม่ชัดสีหน้า หรือ แสดงความกังวล ว่า เราไม่เหมาะสมกับบริษัท เราควร แสดงความมั่นใจ ว่า เราเหมาะสม และ คู่ควรกับบริษัท โดย เริ่มพูด ว่า ถึงประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา ที่สอดคล้อง กับงานใหม่ที่จะทำ

หยิบยก จุดเด่น จุดแข็ง ที่ผ่านมาของเราออกมาพูด

หาจุดเด่น จุดแข็ง ของตัวเองออกมาพูด โดยพูดให้เล่าเรื่อง ให้กรรมการฟังว่า เราเป็นคนที่มี จุดเด่น จุดแข็งเหล่านั้นอย่างไร จากประสบการณ์การทำงาน ของเรา

นอกจากคำถามที่ว่า“ทำไมเราถึงควรจ้างคุณ” กรรมการอาจจะยิงคำถามยาก ๆ มาหาตัวเราได้อีก ซึ่งมันคือการเล่นกับจิตวิทยาและการต้อนให้เราจนมุม การศึกษาท่าทางและน้ำเสียงของกรรมการสามารถช่วยเราได้ระดับนึง การสัมภาษณ์งานไม่จำเป็นต้องอยู่สถานการณ์ที่เครียดตลอดเวลา

ทว่าบางครั้งท่าทีของผู้สัมภาษณ์คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราได้งานก็ได้ อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่าคำถามดังกล่าวคือการวัดทั้งความสามารถ ทัศนคติ และนิสัย ไม่ใช่แค่นิสัยส่วนตัวเท่านั้น มันยังรวมไปถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างอีกด้วย

ดังนั้นอย่าลืมที่จะใส่ความเป็นตัวเองแบบไม่ล้น หาเอกลักษณ์และความพิเศษฉบับเราเพื่อพิชิตใจกรรมการ

ศึกษาบริษัทที่เราสมัคร : ก่อนอื่นที่เราจะสมัครงานหรือต้องผ่านการสัมภาษณ์ เราต้องศึกษาจุดเป้าหมายของบริษัทก่อนว่าแนวคิดของพวกเขาเป็นอย่างไร เพราะบางครั้งทางกรรมการอยากจะรู้ว่าคุณสนใจบริษัทแค่ไหนก่อนตัดสินยื่นเรซูเม่

ศึกษาคุณสมบัติที่นายจ้างตามหา : ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าการจ้างงานคือการต้องการคนที่ความสามารถตรงหรือเกือบตรงสายมาทำงานให้ เราต้องกลับไปค้นหาและสำรวจตัวเองว่าอุดมคติงานที่เราสมัครคืออะไร ที่สำคัญเลยคือประสบการณ์ ต่อให้เรามีความรู้มากแต่ประสบการณ์ขาด นายจ้างบางคนก็ไม่ได้อยากเสียเวลามาสอนงานเรา ฉะนั้นเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นเรซูเม่

ประเมินงานได้: สมมติว่าหากเราสมัครงานในตำแหน่งของการตลาด เราต้องสามารถอธิบายได้ว่าคุณจะเข้ามาในบริษัทเพื่อปรับปรุงโครงสร้างอะไร ต้องมองสายงานคร่าว ๆ ออก บ่อยครั้งที่นายจ้างชอบถามว่า “หากคุณก้าวมาในตำแหน่งนี้ คุณจะจัดการกับงานอย่างไรต่อ”

พกสกิลเสริม : ศตวรรษที่ 21 การมีแค่สกิลสายงานไม่เคยเพียงพอ เมื่อถึงวันสัมภาษณ์ ให้จำไว้ว่ามันคือวันขายตัวเองให้ออก หากเรามีความสามารถพิเศษอะไรก็นำเสนอได้เต็มที่หรือบางครั้งคุณเคยดำรงตำแหน่งอะไรมา ก็ยกมาพูดได้เลย

เหตุผล ที่ควรบอก บริษัทว่า คุณเหมาะสมยังไง ทำไมบริษัทควรจ้าง คุณเข้าไปทำงาน สามารถตอบ โดยเชื่อมโยงกับ คุณสมบัติเด่นๆ ในการทำงานของคุณได้ดังนี้

1. คุณมีประสบการณ์ทำงานที่ตรงสาย กับตำแหน่ง

เหตุผล ที่คุณควรคิดอันดับแรกเลย ถ้าเจอคำถามว่า ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณ นั้น แล้ว กรรมการอยากฟังว่า ที่ผ่านมา คุณเคยมีประสบกบการณ์ การทำงาน ที่ตรงกับ สายงานนี้ หรือ ไม่
ซึ่งนี่ ก็ไปเกี่ยวข้องกับ การเขียน CV / Resume ของคุณด้วย คำถามข้อนี้มักจะโดน ถามบ่อยๆ ในกรณีที่คุณ สมัครงาน ไม่ตรงสาย กรรมการกวาดสายตา ดูเรซูเม่ แล้ว ต้องการรู้ว่า คุณเหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างไร

** หมายเหตุ ** หากคุณต้องการสมัครงานใหม่ เปลี่ยนสายงาน เราช่วยคุณ เขียนเรซูเม่ ให้ตรงสายได้ โดยการวิเคราะห์ จากผู้เชี่ยวชาญ สนใจ ให้เราช่วย ปรับ และ เขียนเรซูเม่ ให้คุณใหม่ ติดต่อ Line Airkhaek 

2. คุณมีความสนใจในอาชีพนี้

แสดงให้ กรรมการเห็นว่า คุณมีความสนใจในอาชีพ ให้ได้มากกว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากอาชีพนี้ โดยการพุ่งประเด็นไปที่ ลักษณะงาน ขอบเขต ของงานที่ทำ อธิบายว่า คุณชอบอะไรเกี่ยวกับงานนี้ และ รู้สึก พิเศษ หรือ มีความสุขอย่างไร ที่ได้ทำงานนี้ เพราะบริษัท จะชอบเลือก คนที่ ชอบทำงานนั้นๆ โดยธรรมชาติ มากกว่าคนที่ต้องทำงานนั้นเพราะหน้าที่

3. บุคลิกภาพของคุณ เหมาะสมกับอาชีพนี้

พูดคุยว่า ลักษณะบุคลิกภาพ ของคุณ เหมาะสมกับอาชีพที่คุณเลือกได้อย่างไร เช่น ถ้า ทำงานวิศวกร ที่จะต้องเป็นคนที่ มีความคิดรอบครอบ คิดวิเคราะห์ อาจจะต้องใช้ ทักษะ Critical Thinking และ หากคุณเป็นคนที่มีนิสัย หรือ บุคลิกภาพ เหล่านั้น ก็ควรที่จะดึงออกมาเป็นจุดเด่น

น้องจะต้องรู้ว่า ตัวเองมีคุณสมบัติเด่น ด้านใดบ้าง
ค้นหา ทักษะพิเศษของตัวเอง ได้ที่นี่

4. คุณจบมาตรงสายงานกับ ตำแหน่งนี้

สำหรับน้องๆ ที่เพิ่งจบใหม่ แล้วต้องการหาเหตุผลไปตอบว่า ทำไมบริษัทควรจ้างน้อง เด็กจบใหม่ อย่าลืมนึกถึง วิชาเอก ที่น้องเลือก ว่าน้องสนใจ และ เป็นผู้เชี่ยวชาญ กับงานนั้นๆ อย่างไร

6. คุณมีความรู้จำเพาะ ที่เหมาะกับตำแหน่งนี้

หลายๆ อาชีพ ต้องการคนที่มีความรู้เฉพาะทาง ซึ่ง ความรู้เฉพาะทางเหล่านี้ บางทีไม่ได้มาในรูปแบบของเกียรติบัตร ว่าเคยเรียนอะไรมา แต่มาในรูป ของ งานที่น้องเคยทำ

ยกตัวอย่างเช่น น้องๆ ต้องการสมัครตำแหน่ง Digital Marketing และ ถ้าน้อง บอกว่า มีความรู้ ความสามารถพิเศษ ในการใช้โปรแกรม ที่เกี่ยวข้องกับงาน นั้น ๆ ก็จะทำให้น้องได้เปรียบ คนอื่นๆ ในที่นี้ การตลาดออนไลน์ น้องๆ ควรรู้ในเรื่อง Facebook Business Manager / SEO / SEM / Google Marketing เป็นต้น

7. คุณเคยฝึกงานที่นี่มาก่อน แล้วเข้าใจระบบในการทำงาน

หากน้องคนไหน ได้มีโอกาสไปฝึกงาน ที่เกี่ยวข้องกับงานตำแหน่งใหม่ที่จะทำ ก็ควรที่จะหยิบยกมาพูดว่า น้องมีความสามารถ และ ประสบการณ์ทำงาน ในด้านนั้นๆ และ เคยทำงานมาก่อน ที่บริษัทไหนๆๆ ก็ว่า โดยควรพูดให้ลงลึกว่า ตอนนั้น ทำงานอะไร

ขมวดปมว่า เหตุนี้ที่ผมเคยมีประสบการณ์เหล่านี้ คิดว่าน่าจะช่วยบริษัท ทำงานในตำแหน่งนี้ได้ดี นั่นเอง

8. คุณมีความสามารถในการทำงาน เป็นทีมได้ดี

ไม่ว่าจะบริษัทไหน เค้าก็มักจะมีทีม ของเค้าอยู่แล้ว ดังนั้น ความสามารถในการทำงานเป็นทีม หรือ Teamwork นั้นสำคัญมากๆ ถ้าน้องนึกอะไรไม่ออก อย่าลืมถามตัวเองว่า น้อง ผู้ร่วมทีมที่ดี รึเปล่า ถ้าน้องเข้าใจ และ รู้สึกว่า ตัวเอง สามารถทำงานเป็นทีมได้ นั้น ก็อย่าลืม หยิบยก มาตอบ นะคะ

9. คุณสามารถ ทำอะไรให้กับบริษัทได้

เวลาตอบคำถามว่า ทำไมเราควรเลือกคุณ ทำไมบริษัทเราควรรับคุณเข้าทำงาน คำถามเหล่านี้ ให้เรา โฟกัสไปว่า ถ้าบริษัท รับเราเข้าไปทำงานแล้วเราจะช่วย บริษัทให้เติบโต ในหน้าที่ของเรายังไงได้บ้าง จะดีที่สุดค่ะ

10. คุณเข้าใจ หน้าที่ และ ตำแหน่งนี้ได้ดี

การแสดงออกว่า น้องๆ เข้าใจ ในตำแหน่งหน้าที่ นั้นดี ยังไง แสดงว่า น้องรู้ว่า ถ้าเข้าไปแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง เรียกสั้นๆว่า เป็นงาน นั่นเอง ใครๆ ก็อยากได้ คนเป็นงาน รับเข้ามาทำงาน คนที่ไม่จำเป็นต้อง พูดเยอะให้เหนื่อย ใช่ไหมคะ ดังนั้น พยายามแสดงออกให้ได้ว่า เราเป็นงาน จากการตอบคำถามข้อนี้

จริงๆคำถาม ว่า ทำไมเราถึงควรเลือกคุณเข้าทำงานนี้ เป็นคำถามที่ เราจะได้ โชว์ของดี จุดเด่นของเราเห็นๆ

ใครไม่รู้ว่า ข้อดี หรือ จุดเด่นของ น้องคืออะไร ลองไปอ่าน โพสนี้ต่อได้
ข้อดี ข้อเสียของคุณ คืออะไร และ เอาไปปรับใช้กันนะคะ

ตัวอย่างที่ 1 : ตำแหน่งผู้ดูแลสำนักงาน

“คุณควรให้โอกาสดิฉัน เพราะดิฉันเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น และ ความสามารถที่ได้พิสูจน์ให้เห็นในที่ทำงานเก่าแล้วว่าเป็นคนที่เข้าใจในเรื่องการบริหารเวลา การประสานงาน และ ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ ก่อนหน้านี้ของดิฉันได้ทำงานในฐานะผู้ช่วยฝ่ายธุรการ มีโอกาสวางแผนจัดระเบียบตู้เสื้อผ้าของสำนักงาน เราวางคำสั่งซื้อน้อยลงและประหยัดอุปกรณ์สำนักงานได้ถึง 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่จะนำทักษะของดิฉันมาพัฒนาบริษัทนี้”

ข้อสังเกตุ

• ได้พูดระบุ ว่าที่ทำงานเก่าเคยทำอะไรมาบ้าง
• พูดว่าตัวเองมีจุดเด่นในเรื่อง การบริหารเวลา การประสานงาน และ ด้านมนุษยสัมพันธ์ กับผู้อื่น
• แสดงถึงสิ่งที่ตนทำ และ พูดออกมาได้เป็น Percent แบบที่วัดผลได้

ตัวอย่างที่ 2 ตำแหน่งผู้จัดการครัว

“ดิฉันมีประสบการณ์ในการจัดการปริมาณสินค้าในสต๊อกและมี ทักษะในบริหารตารางเวลา อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้เพียงพอที่ทำให้ดิฉันมีคุณสมบัติเหมาะสมกับ ตำแหน่งผู้จัดการครัว ดิฉันเข้าใจดีว่าทางบริษัทต้องการผู้สมัครที่มี ความละเอียดรอบคอบ และ การทำงานที่ดี งานก่อนหน้านี้ดิฉันสามารถจัดตารางงานสำหรับพนักงาน 20 คนได้มีประสิทธิภาพ และลดขยะอาหารลงถึง 15% ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่จะนำทักษะการจัดการไปใช้กับร้านอาหารของคุณ”

ข้อสังเกตุ

• พูดระบุถึง คุณสมบัติที่สำคัญที่สุด ของตำแหน่งผู้จัดการ (ครัว) นั่นก็คือ การบริหารจัดการเวลา
• พูดถึง ความละเอียดรอบครอบ ซึ่ง ตำแหน่งผู้จัดการต้องมี
• พูดถึง ความสามารถในการจัด ตารางพนักงาน แสดงให้เห็นว่า เคยดูแล ลูกน้องมาก่อน กว่า 20 คน
• พูดถึงผลลัพธ์ ของการกระทำ ของตน กว่า กว่า 15% ได้ลด ขยะ อาหาร ซึ่งส่งผลต่อ รายได้ที่มากขึ้นของบริษัท

ตัวอย่างที่ 3 : ตำแหน่งลูกค้าสัมพันธ์

“คุณควรให้โอกาสผมสำหรับตำแหน่งนี้ เนื่องจากผมมีความสามารถในการรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมกับลูกค้า ผมมีความกระตือรือร้นที่จะดูแลช่วยเหลือสังคม ผมมีแรงจูงใจและตื่นเต้นกับการทำงานในทุก ๆ วัน ตัวของผมนั้นเข้าใจดีว่าคุณต้องการผู้สมัครที่สามารถเป็นส่วนนึงกับลูกค้าได้ ในส่วนนี้ผมสามารถทำได้อย่างแน่นอน 100% นอกจากนี้ผมยังสามารถนำประสบการณ์ความเป็นผู้นำมาสู่ทีมของคุณได้ ผมได้มีโอกาสเป็นผู้ฝึกอบรมพนักงานใหม่กว่า 20 คน ซึ่งจุดประสงค์คือทำให้ทุกคนคุ้นเคยกับการปฏิบัติงานในแต่ละวันและรู้สึกสบายใจในบทบาทใหม่ของพวกเขา”

ข้อสังเกตุ

• มีการพูดถึง ความสามารถในการ สร้าง และ รักษา ความสัมพันธ์ กับ ลูกค้า
• มีลักษณะ บุคลิกภาพ ชอบช่วยเหลือสังคม
• ชอบในงานของตนเอง
• มีประสบการณ์ คุมทีมมาก่อน
• เคย อบรมพนักงานกว่า 20 คน แสดงว่า คุมคนได้

ตัวอย่างที่ 4 : ทำไมเราถึงควรเลือกคุณ นักศึกษาจบใหม่

เนื่องจากตัวผมนั้นเป็นนักศึกษาจบใหม่ด้านการสื่อสารมวลชน ผมสามารถนำวิธีการตลาดผ่านอีเมลยุคใหม่มาใช้กับทางบริษัทได้ ผมได้ผ่านการฝึกงานในฐานะนักการตลาดออนไลน์สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพซอฟต์แวร์และดิจิตัล มีประสบการณ์ในการสร้างสรรค์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมโดยมีเทคโนโลยีร่วมด้วย ผมยังมีโอกาสได้ทำแคมเปญทางอีเมล ซึ่งมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 8% มันเยอะมากหากเราเปรียบเทียบกับแคมเปญที่ผ่าน ๆ มา ด้วยประสบการณ์เหล่านี้ผมสามารถมั่นใจได้ว่าผมจะเป็นประโยชน์ต่อทางทีมงานและบริษัทของคุณแน่นอน”

ข้อสังเกตุ

• บอกว่าจบใหม่ ด้านไหน
• ระบุว่าผ่านการฝึกงานมาก่อน ใน ตำแหน่ง นักการตลาดออนไลน์
• บอกว่าตอนที่ฝึกงาน เคยทำอะไร เคยทำ Content
• ตอนที่ทำ มีความสำเร็จถึง 8% (วัดผลลัพธ์)
• บอกด้วยความกระตืนรือร้นว่า สิ่งที่เคยทำมานั้น จะช่วยให้ผม เอามาปรับใช้ในตำแหน่งนี้ได้
  ดังนั้น เลือกผม ผมเป็นงาน (อิอิ อันนี้พี่เติมเอง)

ตัวอย่างที่ 5 : วิศวกรรมซอฟต์แวร์

ดิฉันคิดว่าบริษัทควรให้ดิฉันได้แสดงความสามารถ เนื่องด้วยประสบการณ์การทำงานและความสำเร็จในสายงานของอาชีพดิฉัน พวกคุณจึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าดิฉันจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ในปีที่แล้วดิฉันสามารถพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่น จนสามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้นได้กว่า 50% สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากความมุ่งมั่นและความตั้งใจของตัวดิฉันเอง ฉะนั้นดิฉันหวังว่าทางคุณจะให้โอกาสความสำเร็จในอนาคตแก่ดิฉัน”

ข้อสังเกตุ

• พูดถึงประสบการณ์การทำงาน และ ความสำเร็จที่ผ่านมา (ดีมาก)
• บอกว่ามั่นใจ แสดงว่า มั่นใจจริงสร้างความเชื่อมั่นในกรรมการ
• เคยพัฒนา ระบบ โปรแกรม แอป อะไรมาก็ควรบอก
• เพิ่มผลกำไร กว่า 50% เออดีมาก ไม่ใช่ทำมาแต่เจ๊ง
• บอกว่าตั้งใจ มาก อยากได้โอกาส ทำอะไรแบบนี้อีก
  เอ้า เอางานไปทำจร้าา ตอบดี