ทำไมถึงลาออกจากแอร์ มักจะเป็นคำถามที่หลายๆคน ที่อยากเป็นแอร์ อยากจะถาม เพราะกว่าจะได้เป็นแอร์ นั้น ยาก และ ต้องผ่านขั้นตอน Process การสัมภาษณ์มากมาย กว่าจะได้ติดปีก แถมเป็นงาน ที่ได้เที่ยวรอบโลก เงินเดือนก็สูง จะทิ้งงานนี้ง่ายๆ จะบ้า เหรอ

แต่เชื่อสิ่ว่า ทุกคนที่เป็นแอร์ หรือ สจ๊วต ที่ตัดสินใจลาออกนั้น ก็จะต้องคิดทบทวน หลายต่อ หลายครั้ง แล้วว่า ทำไมพวกเค้าถึงจะลาออกจากอาชีพนี้

มาดูกันค่ะว่า เหตุผล ที่คนส่วนใหญ่ ตัดสินใจลาออกจากอาชีพนี้กัน

ถึงแม้ว่างานแอร์ / สจ๊วต จะเป็นงานที่ ท้าทาย แต่ละไฟล์ นี่ไม่เคยซ้ำกัน ตั้งแต่ ลูกเรือ กัปตัน หรือ ผู้โดยสาร แต่ ขอบเขตของงานนั้น ก็คือจะเป็น

งานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แพทเทิน เดิมๆ วนกันเป็นลูป

แค่เปลี่ยนคน เปลี่ยนเวลา เปลี่ยนสถานที่ นี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้หลายๆคนถึงลาออกจากงานนี้

โดยเฉพาะ คนที่อายุยังน้อยๆ เรียนจบปุ๊บ แล้วก็ได้มาทำงานแอร์เลย โดยที่ไม่เคยลองทำงานอื่นๆ มาก่อน แล้วอยากจะท้าทายความสามารถของตัวเอง

บางคนใฝ่ฝันว่า อยากจะเป็นเชฟ แต่พอเรียนจบก็ได้ทำงานแอร์เลย แต่ลึกๆ อยากเป็นเชฟ พวกเค้าเหล่านั้น ลาออกจากอาชีพแอร์ สจ๊วต

ยกตัวอย่าง เช่น คุณปอนด์ มาสเตอร์เชฟ Season 3 และ All Star ที่เคยทำงานเป็นสจ๊วตสายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ ตัดสินใจลาออก และ เดินทางตามหาความฝันของเค้า ในการเป็นเชฟ

เหงา คิดถึงบ้าน คิดถึงประเทศไทย คิดถึงครอบครัว คิดถึงแฟน คิดถึงเพื่อน คิดถึงคนที่บ้าน !!!!

พอกลับไทยบ่อย กลับไทยนาน ๆ แล้วจะไม่อยากกลับไปทำงานเพราะความเหงา บางครั้งได้บินไปเจอแฟน ได้อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง แล้วต้องบินกลับ ทำให้เหงาจัด จังหวะที่ต้องเดินทางกลับไปทำไฟล์ มันรู้สึก ทรมาน งานก็ต้องทำ แฟนก็อยากเจอ งอแงไปอีก

ถ้าเป็นแอร์ สายการบินในไทย ที่เบสประจำประเทศไทย ก็คงจะไม่ใช่เหตุผลนี้ว่า ทำไมถึงลาออกจากแอร์ แต่มีแอร์ สจ๊วต หลายๆคนที่ทำงานกับสายการบินต่างประเทศ ที่เบส ยังประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช่ประเทศไทย จึงทำให้ พวกเค้าเหล่านั้น ต้องอยู่ด้วยตัวคนเดียว

ใน 1 เดือน อาจจะได้กลับไทย ครั้ง ถึง สองครั้ง แล้วก็อาศัยอยู่ประเทศที่สายการบินตัวเอง เบส เช่น สายการบินการ์ต้า สายการบินเอมิเรตส์ ลูกเรือ ส่วนใหญ่ จะต้องเบสที่ โดฮา หรือ ดูไบ

บางคนก็อาจจะเกิดอาการเหงา คิดถึงครอบครัว หรือ คนที่เรารัก มากๆ จนทำให้ ไม่อยากทำงานตรงนี้ อีกต่อไปแล้ว เพราะทนความคิดถึงไม่ไหว ถึงแม้จะมีเพื่อนร่วมงานเป็นคนไทยก็ตาม

นี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักๆ ว่า ทำไมถึงออกจากแอร์ จากปากแอร์ สจ๊วตหลายๆคนเลยทีเดียวค่ะ นั่นก็คือ

เหนื่อย และ ล้า มากจากบนไฟล์

เป็นแอร์ ดูเหมือนงานสบายๆ เดินสวยๆ ไปมาบนเคบิน (ห้องโดยสาร) แต่รู้ไหมคะว่า งานเบื้องหลังของแอร์ นั้น หนัก มากๆ

ยิ่งสายการบิน ที่ต้องรักษามาตรฐานระดับสูง ทั้งด้านความปลอดภัย และ งานบริการ ตัวงานมันมีความละเอียด และ ซับซ้อน ของมันเองอยู่แล้ว

บางครั้ง กลับมาบ้าน คนที่บ้านอาจจะอยากพาเราไปเที่ยว ชวนเราไปทำโน้นนี่ แต่สิ่งที่เราอยากทำกัน กลับเป็น การนอน อยู่บ้าน สั่งพิซซ่า และ ดูทีวี แค่นั้นเลยจริงๆ ค่ะ

ตารางชีวิต หรือกิจวัตรประจำวัน จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อได้มาเป็นแอร์ หรือ สจ๊วต บางครั้ง บินหนักๆ ยังลืมเลยว่า ตอนนี้มันสมควรจะเป็นเวลาอะไร นี่เราควรหลับ หรือ เราควรตื่น อาจจะได้ข้อสรุปว่า อ้อ นอนแล้วกัน เพราะที่ผ่านมาน่าจะนอนไม่พอ  555+

หลายๆคน อาจจะเคยได้ยินว่า บางสายการบินมีกฏ ว่าถ้าลูกเรือ แต่งงาน จะเชิญให้ออกจากบริษัท ซึ่งขอบอกว่า กฏนั้นถูกเยอะเลิกไปแล้วนะคะ แต่ ! ก็มีลูกเรือหลายคน ที่ลาออกเอง เพราะว่า แต่งงานนี่แหละค่ะ

การแต่งงานเป็นการเริ่มต้น และ การสร้างครอบครัว ก็มีลูกเรือหลายๆ คน โดยเฉพาะ ลูกเรือ ผู้หญิง ที่ตัดสินใจลาออก เมื่อ แต่งงานแล้ว แต่ ก็ยังมีอีกหลายคนนะคะ ที่ ยังบินอยู่ ทั้งๆ ที่แต่งงานแล้วก็มี

หลายคนที่ลาออกจากแอร์/สจ๊วต ไป เพราะปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วย แบบเฉียบพลัน หรือ เรื้อรัง ที่เป็นปัญหากวนใจสำหรับลูกเรือ

ซึ่งรวมถึงทั้งสุขภาพกาย และ สุขภาพใจ ด้วยนะคะ บางครั้ง บางคนเป็นทั้งสองอย่าง ร่างกายก็แย่ จิตใจก็แย่ แต่ต้องไปบิน โดยเฉพาะ งานลูกเรือนั้น ทำงานเป็นกะ ทำให้นอนไม่พอ ไม่ได้นอน สะสมเข้าจากวันเป็น เดือน จากเดือนเป็นปี พอมีเวลาว่างที ลูกเรือมักจะไม่อยากทำอะไร นอกจาก นอน นอน นอน แล้ว ก็นอน

แล้วการนอนไม่พอ ก็เป็นจุดเริ่มต้น ของสิ่งเล็กๆ ที่ทำลายสุขภาพ ลามไปหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ภูมิคุ้มกันที่ลดลง เพราะนอนน้อย ก็เป็นโรคติดต่อได้ง่ายๆ เช่น เป็นหวัด เป็นต้น

ทำให้นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่สำคัญ ในการตัดสินใจของลูกเรือหลายๆคน ว่าทำไม ถึงจะควรลาออก จากแอร์

ขาดวิตตามิน D

ลาออกไปทำธุรกิจ ส่วนตัวของตัวเอง หรือ ของที่บ้าน ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งค่ะ ที่ทำให้หลายๆคน เลือกที่จะทิ้งอาชีพนี้ เพราะบางคน เหตุผล ที่เค้าต้องการเป็นแอร์ อาจจะไม่ใช่เพียงต้องการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก

แต่อาจจะเป็น เส้นทางลัด ในการเก็บเงิน เพื่อมาลงทุนในธุรกิจของตัวเอง แอร์ หลายๆคนเก็บเงินเก่ง เรียกว่า วางแผนมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่เริ่ม join บริษัท ก็รู้ตัวแล้วว่า จะต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ ถึงจะถึงเป้าหมาย ของเงินลงทุนก้อนแรก สำหรับธุรกิจ ของเค้า พอเก็บเงินครบปุ๊บ ก็ลาออกเลยก็มีค่ะ

บางคน ที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว แต่อยากค้นหาตัวเอง เดินทางเที่ยวรอบโลก แบบฟรีๆ ก็มักจะอยู่ครบสัญญา กับบริษัท แล้วกลับไปทำงาน สืบสานธุรกิจที่บ้าน ก็มีเยอะเช่นกัน

เป็นแอร์นี่ กฏเยอะ นะคะ ต้องทำตามกฏแทบจะทุกอย่าง ตั้งแต่ เริ่มใส่ยูนิฟอร์ม บางครั้ง บางบริษท ก็ลามไปจนกระทั่งชีวิตส่วนตัว เพราะการอยู่ร่วมกับคนมากๆ บริษัท ก็จะต้องมีกฏ ออกมาว่า ห้ามทำนั่น ห้ามทำนี่ เยอะแยะ มากมายเต็มไปหมด

ทนกับกฏไม่ไหว

บางคนรับได้ ก็ดีไป แต่สำหรับบางคนมันเครียดนะคะ ทำงานก็เหนื่อย และ หนักหนา แล้ว บางครั้งเจอผู้โดยสารไม่น่ารัก เพื่อนร่วมงานไม่โอเค แถมต้องกลับมาแบกรับกับกฏหลายๆอย่าง มันอึดอัด

นีก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ หลายๆคน ยอมทิ้งความฝันตรงนี้ และเดินหน้าต่อ หางานทำที่มีอิสระภาพให้ตัวเอง มากกว่า

แอร์หลายคนนะคะ ชอบลาออกจากงานไปเรียนต่อค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไปเรียนต่อโท บ้างหล่ะ ไปเรียนภาษาเพิ่มเติมบ้างหล่ะ แล้วที่แน่ไปกว่านั้น เรามีเพื่อนของเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ คนนึง นะคะที่ลาออกจากแอร์ ไปเรียนต่อเป็นหมอฟัน สุดยอดมากจริงๆค่ะ

หลายๆคนนะคะ ยิ่งบิน ก็ยิ่งรู้สึก หลงใหล ประเทศต่างๆ ทำให้ถึงกับอยากไปเรียนรู้ ภาษาและวัฒนธรรม ของประเทศนั้นๆ อย่างเพิ่อน พลอยเป็นต้นนะคะ

เกิดอยากเรียนต่อ

หลังจากที่ลาออก และ ได้พักผ่อนสักพัก เพื่อนท่านนี้ก็ได้ย้ายไปอยู่ประเทศจีน แล้วเรียนต่อภาษาจีนเป็นเวลา 1 ปีเต็ม พอกลับมา เราก็อึ้งกับสกิล ภาษาจีน ของเพื่อนคนนี้มากๆ เลยค่ะ อย่างที่เค้าว่านะคะ อยากเรียนภาษาไหน ก็ต้องไปอยู่ที่ประเทศ นั้นๆ เนาะ

สายการบิน ก็มีสาวๆ หลายคนนะคะ ที่แต่งงานแล้ว บางท่านอยู่กับสามี ด้วยแต่ยังไม่มีลูก แล้วก็ยังทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอยู่ แต่พอรู้ตัวว่าตัวเองท้อง หรือ มีน้อง ทุกคนก็มักจะลาออกกัน ถึงแม้ว่า ทางบริษัท จะให้ Maternity Leave ก็ตาม

เพราะความเป็นแม่ อ่ะเนาะ เราก็คงจะอยากดูแล ลูกให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว อาชีพนี้ มันยากนะคะ ที่จะทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย อาชีพแอร์ เป็นอาชีพที่จะต้องเดินทางตลอด เวลาให้ตัวเอง ก็แทบจะไม่มีแล้ว พอมีลูก สาวๆ แอร์ หลายคนก็ตัดสินใจลาออก ไปเลี้ยงลูกเต็มตัวเลยค่ะ

บางที ทำอะไรไปนานๆ ก็รู้สึก พอ และ อิ่มตัว บางคนอาจจะรู้ตัวเร็ว ว่างานแอร์ สจ๊วต เนี่ยมันไม่ใช่ สำหรับตัวเอง หรือ มันพอแล้ว

เพราะงานนี้ มันก็เป็นลูป ของมัน ถ้าคนที่ชื่นชอบ และ สนุกกับการออกไปเจอผู้คน ก็อาจจะ รู้สึกชอบงานตรงนี้อยู่ แต่สำหรับหลายๆ คน อาจจะมี สิ่งอื่นๆ ที่ตัวเองยังอยากทำอยู่ แต่ไม่มีเวลาที่จะทำ แล้ว อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ๆ ด้วยสายงานใหม่ๆ

จึงทำให้พวกเค้าเหล่านั้นตัดสินใจลาออก บางคนออกไปเป็น Youtuber , นักถ่ายภาพ , เชพ ทำงานในสิ่งที่เค้าอยากทำ

บางทีเป็นแอร์ เราก็แทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเองอยู่แล้ว การที่จะมาเจอครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน กว่าจะนัดได้ครบๆ มักจะลำบากมาก โดยเฉพาะแอร์ หรือ สจ๊วต ที่ไม่ได้ทำงานเบสที่ประเทศไทย

หลายคนไม่มีโอกาส ที่จะอยู่ดูและ คนสำคัญในชีวิต ในวะระสุดท้าย หลายอคนอยากมีเวลาให้คุณพ่อ คุณแม่ ที่อายุ เยอะแล้ว บางคนเป็นลูกคนเดียว ก็อยากจะมีเวลา มาดูแลคนที่บ้าน เพราะ เวลาทำงาน เราจากบ้านไปที เราจากบ้านกันร่วมเดือน

พวกเค้าเหล่านั้นน่าเห็นใจ งานก็อยากจะทำ แต่เวลาก็แทบไม่มีให้ที่บ้าน ที่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้แอร์ สจ๊วต ตัดสินใจลาออกจากงาน

เป็นแอร์ ต้องทำตามกฏ ต้องทำตาม Standard ที่สายการบินมอบให้เรียกว่า Manual ซึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วย หรือ มีวิธีในการทำงานที่แตกต่างไปจาก กฏ หรือ Standard and Procedure ที่สายการบินมอบให้ ก็ต้องทำตาม ไม่มีข้อแม้ เช่น เรื่องง่ายๆ อย่างการจัดคาร์ทเสริฟ อาหารผู้โดยสาร

เอร้ย หลายๆคน อาจจะบอกว่า เป็นแอร์นั่นก็คือความฝันไม่ใช่เหรอ สำหรับหลายๆคนก็อาจจะใช่นะคะ แต่สำหรับหลายๆคน อาจจะอยากเป็นแอร์ เพราะ เงินเดือน ที่สูงลิ่ว

แอร์หลายคน ชอบงานนี้ แต่ในใจลึกๆ ก็อยากทำอาชีพอื่นๆอีก จึงทำให้ตัดสินใจลาออก

ถ้ามีคนถามว่า “ทำไมถึงลาออกจากแอร์ หล่ะ” หลายคนอาจจะอยากตอบกลับไปว่า เก็บตังค์ ครบแล้วตามเป้า ค่ะ / ครับ เพราะหลายคน ตั้งใจมาทำงานอาชีพนี้ เพื่อที่จะเก็บสตางค์ จริงๆค่ะ

บางคนไม่เคยมีบ้าน มีรถ เป็นของตัวเองในชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เคยแต่เช่าบ้าน หรือ อาศัย คนอื่นอยู่ แต่ พอได้มาทำงานตรงนี้ กลับมีเงินมาพอ ที่จะซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นของตัวเอง แถมมีเงินเก็บให้ตัวเอง อีกสักก้อน พอครบตามจำนวน ที่คิดว่าคงจะอยู่อย่างไม่อดตายได้ที่ประเทศไทย สัก 6 เดือนถึง 1 ปี รอหางานทำใหม่ หรือ หาช่องทางทำธุรกิจ ก็อาจจะเป็นเหตุผล ของหลายๆคน

ที่เลือกตั้งเป้ากับตัวเองว่า ฉัน จะเก็บเงินให้ได้เท่านี้ เท่านั้น พอ แล้วฉันจะลาออก