คือน้องๆ ต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่า จะทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษ มากขึ้นน้องจะต้องเน้นการฟัง และ การพูด มาเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ การอ่าน และ การเขียน เพราะบางสายการบิน มีข้อสอบมาให้ทำด้วย แต่ ถ้ารอบแรกเจอกรรมการ กรรมการพูดอะไร ฟังไม่เข้าใจ ต่อไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง ยังไงก็ไม่ผ่าน ไปรอบ 2 รอบของการทดสอบข้อเขียนแน่ๆ ดังนั้น เรียงความสำคัญดังนี้ ฟัง พูด อ่าน เขียน และ (เถียง จะมาเองตอนได้เป็นแอร์แล้ว 555 สำคัญมากนะคะ คนไทยชอบเถียงไม่ทันเค้า)

หลังจากนั้น วางแผน ว่าจะทำยังไงบ้าง 

ซึ่งแต่ละคน ก็มีระดับที่แตกต่างกันไป ซึ่งน้องๆ ต้องรู้ตัวเองว่า ตัวเองอยู่ในระดับไหน บางคน ฟัง และ พูดได้แล้ว ก็มาฝึก การเขียนกับการอ่านเอา ซึ่ง ข้อสอบภาษาอังกฤษ สำหรับไปสมัครแอร์ สายแขก อย่าง emirate  หรือ qatar นั้น ขอบอกเลยว่า ไม่ยากมาก แถมเป็นช้อย อีก เลือกได้ แต่อาจจะมีบางรอบที่กรรมการจะให้เขียน essay สั้นๆ นะคะ

ฝึกภาษาอังกฤษ จะเอาให้เป็นไว ต้องฝึกทุกวัน จำคำศัพท์เพิ่มเติมทุกวัน

การที่น้องๆ มีคำศัพท์ มากขึ้น ยิ่งจะทำให้น้องๆ พูดได้มากขึ้น เอาคำมาเรียงเป็นประโยคได้มากขึ้น พี่ขอแนะนำเทคนิคพี่คือ สร้างโจทย์ให้ตัวเอง เอาคำถามที่คิดว่ากรรมการจะถามในวันสัมภาษณ์แอร์ มาถามตัวเอง แล้ว ตอบเป็นภาษาไทยให้ได้ ซึ่งตรงนี้แหละ น้องอยากพูดอะไร แล้วไม่รู้คำศัพท์ไหน ไปหามา จำคำนั้นๆ ที่คิดว่าจะเอาไปตอบ พูดคุยในวันสัมภาษณ์

พยายามจำ Adjective / Adverb ในการบอกถึง คุณลักษณะ บุคลิกภาพ ต่างๆไปด้วย น้องๆ ควรจำคำศัพท์เหล่านั้น เพราะ มักจะเป็นสิ่งที่ถูกถาม เวลาสัมภาษณ์แอร์

ใช่แล้วค่ะ ฝึกภาษา อยากเป็นเร็วก็ต้อง หัดพูด หัดใช้ เพราะ ไอ้ที่ท่องศัพท์มาทุกๆ วัน หาคำศัพท์ใหม่ๆ ฝึกเรียงประโยคภาษาอังกฤษ ต่างๆที่ กล่าวมาข้างต้นนั้น ที่ทำไปทั้งหมด ก็เพื่อให้น้อง สามารถสื่อสาร ได้ ดังนั้น หาโอกาส พาตัวเองไปเจอคนต่างชาติ ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหาเพื่อน ต่างชาติ ไปทำงานที่ต้องเจอลูกค้าต่างชาติ เพราะบางครั้ง ประสบการณ์จริง จะทำให้น้อง จำสำนวน หรือ วลีต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น เพราะได้ใช้จริงๆ นะคะ

และถ้าน้องๆ ได้ใช้ภาษาบ่อยๆ ก็จะทำให้มั่นใจในการพูดมากขึ้น เพราะอย่าลืมว่า การทำงานบนเครื่องบิน ผู้โดยสารก็มาจากทั่วโลก เพื่อนร่วมงานก็เป็นคนต่างชาติ ทั้ง ฝรั่ง จีน แขก ญี่ปุ่น อัฟกริกา คือ ทุกคนล้วนใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด ในการสื่อสาร

** แถม ** เวลาทำงาน ถึงแม้ว่าน้องจะเจอเพื่อนลูกเรือด้วยกันที่เป็นคนไทย นะคะ แต่ถ้าลูกเรือ คนอื่นๆ อยู่ในวงสนทนาด้วย เราก็จะต้องพูดภาษาอังกฤษ กับเพื่อนคนไทย นะคะ เพราะมันจะเป็นการเสียมารยาท ถ้าเราพูดกันแต่ภาษาไทย แล้ว ทิ้งเพื่อนลูกเรืออีกคนที่ไม่เข้าใจ ภาษาไทย แบบเงิบๆ

ไม่ว่าจะเวลาไหน ก็ใช้ภาษาอังกฤษ จะไปทำงานเมืองนอก ยังไงก็ต้องมีเพื่อนต่างชาติ ทำไมไม่เริ่มเลยตั้งแต่ตอนนี้ หาโอกาส หาเพื่อน ที่ใช้ภาษาอังกฤษ แล้ว พูดคุยกับเค้า

เป็นที่รู้กัน สำหรับสายแขก ไม่ว่าจะเป็นสายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ หรือ เอมิเรต เค้าจะไม่เอา คะแนน TOEIC อะไรทั้งนั้น แต่สายการบินเค้ามีข้อสอบ วันภาษาอังกฤษ ของเค้ามาเลยจร้าา ซึ่ง ในรอบนี้ น้องๆจะเจอข้อสอบที่มีทั้งเป็นตัวเลือก ซึ่ง จริงๆแล้ว มันก็เป็นการวัดแกรมม่า แบบพื้นฐาน นั่นแหละค่ะ ดังนั้นวิธีการเตรียมตัว ฝึกไป สำหรับรอบนี้ ก็คือ เตรียมฝึกทำข้อสอบไปบ้าง จะได้รื้อฟื้น แกรมม่าพื้นฐาน สมัยเรียน ม.ปลาย พี่ขอบอกเลยว่า ไปหาหนังสือ แกรมม่า ของน้องๆม. ปลาย มาอ่านนะคะ

ตัวอย่างข้อสอบ แกรมม่าภาษาอังกฤษ 

You _______ open the door before the train gets into the station. It’s very dangerous.

a)must
b)mustn’t
c)should
d)don’t have to

สำหรับข้อนี้ ตอบอะไรคะ ? ต่อก ติ๊ก ต่อ ติ๊ก ต่อก … คือ ควรจำเวลาด้วยนะคะ ในวันจริง เพราะ เค้ามีกรรมการจะให้ทำข้อสอบ เพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ทำไม่ทัน ก็คือ ตกรอบนะคะ ดังนั้น ถ้าจะลองฝึกทำ ก็ควรจะ จับเวลาด้วย อย่าชิวเกิน หรือ หมกอยู่กับข้อที่ไม่ทราบ

ข้อนี้ตอบบ … b) mustn’t ค่ะ
You mustn’t open the door before the train gets into the station.
คุณต้องไม่เปิดประตูก่อนที่รถไฟจะมาถึงสถานี
It is very dangerous.
เพราะว่ามันอันตรายมาก

a) must ต้อง
c) should ควร
d) don’t have to ไม่จำเป็นต้อง

คือ เป็นแกรมม่า สั้นๆ ง่ายๆแบบนี้ นะคะ ซึ่งมันก็สำคัญนะเวลาทำงาน ถ้าเราแปล หรือ พูดผิด นี่ ทำงานผิด สื่อสารกันผิด มันอันตรายมากๆ ด้วย

จำพวก วิธีการใช้ verb , adjective ,adverb ใช้อย่างไร แปลว่าอะไร หมายความว่าอย่างไร คล้ายๆกับข้อสอบโทอิคเลยค่ะ

ในเรื่องของข้อสอบ การเขียน Essay นี่ก็จะมาให้เขียนสั้นๆ ค่ะไม่ยาวมาก ไม่ต้องตกใจกรรมการไม่ได้ขอ ให้น้องเขียนยาว เป็นหน้ากระดาษ A4 นะคะ แต่ ก็มักจะมี จำนวนคำกำหนดให้ หรือ อาจจะให้เขียนให้พอ ในช่องว่างที่ให้ไว้ ซึ่ง พี่มีกฏไว้ว่า

• อ่านโจทย์ให้ดี
• เขียนอธิบายด้วยเหตุการณ์
• เล่าว่า ใคร , ทำอะไร , ที่ไหน , อย่างไร
• พยายามอย่างสะกดผิด
• อย่าเขียนเลอะเทอะ เขียนให้สะอาด น่าอ่าน
• พอเขียนเสร็จ อ่านโจทย์ว่าถามว่าอะไร แล้ว ถามตัวเองว่า คำตอบเราเนี่ย ตอบในสิ่งที่โจทย์ต้องการรียัง

ซึ่งส่วนมาก คำถามในหัวข้อ Essay เป็นคำถาม ที่มักจะเป็นคำถามที่ให้เราต้องยกตัวอย่าง เหตการณ์ประกอบ ดังนั้น ตอนเล่าเรื่อง ควรเล่าให้จบ ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ให้จำไว้ว่า คนอ่าน ไม่รู้เรื่องกับเรา เค้าอ่านตามที่เราเขียน พยายามเขียน แบบ  แฮมเบอร์เกอร์ 

1. ขนมปัง ด้านบน = เกริ่นนำ
2. ไส้เบอร์เกอร์     = ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
3. ขนมปังด ด้านล่าง = สรุป

สำหรับพี่ พี่เลือกที่จะ ดูหนัง โดยเริ่มจาก Sub ภาษาไทย พอสักพัก เริ่มเข้าใจ เปลี่ยนจาก Sub ไทย เป็น Sub English แล้ว พอมั่นใจแล้ว ก็เอาซับออกเลยจร้าา

พี่ขอบอกน้องๆเลยว่า TV series ของฝรั่งช่วยได้เยอะ
ลองเลือกมา สักเรื่องหนึ่ง เพราะ ซีรี่ย์ ยิ่งสนุก น้องยิ่งติด ยิ่งติดยิ่งอยากดู ยิ่งดูยิ่งฝึกภาษา แต่ขอแนะนำว่า อย่าเริ่ม ฝึกด้วย Game of Throne นะจ๊ะ เพราะใช้ภาษาที่ยาก มาก พี่แนะนำ เรื่อง Stranger Things , The Walking Dead etc.

ตอนบอร์ดดิ่งผู้โดยสาร 

น้องแอร์ : Hi, Good morning sir/madam. Welcome on board.
ผู้โดย     : Hi, How are you?
น้องแอร์  : I’m good, sir/madam. Your seat is c 32. It is aisel seat on your right hand side sir/madam.

ตอนเสริฟอาหาร

น้องแอร์ : Hi sir, would you like to have dinner, sir/madam?
ผู้โดย     : Oh, yes please.
น้องแอร์ : Today, we have 3 choices. There are chicken biryani, lamp with mashpotatoes, and vegetarian pasta.
ผู้โดย     : I ‘d like to get chicken biryani please.
น้องแอร์ : Would you like to have some wine to drink along with your meal sir/madam?
ผู้โดย     : Oh That would be nice. I ‘d like to have some red wine please.

ตอนบอกลาผู้โดยสารลงจากเครื่อง

น้องแอร์ : Thank you ! Good Bye.
ผู้โดยสาร : Thank you ! Bye Bye.

จบ !! แต่จริงๆ คือมีเยอะกว่านี้นะคะ พี่ตัดมาตอนสั้นๆ ใครพอนึกภาพออก