เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี ให้เก่ง รอบด้าน 4 ทักษะ (การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน) เตรียมพร้อมสมัครงาน หรือ เรียนต่อ จะต้องไปเรียนที่ไหนดี จะ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ หรือ ตัวต่อตัว แล้ว ราคาประมาณเท่าไหร่? ต้องเรียนนานไหม กว่าจะได้ ในระดับที่สนทนา หรือ พูดกับ คนต่างชาติได้

ก่อนที่น้องๆจะถามตัวเองว่า เราจะ เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี นั้น พี่อยากจะให้น้องๆ ประเมิณ หรือ วัดระดับภาษาอังกฤษ ด้วยตัวเอง ก่อนว่าเราอยู่ในระดับไหน และ ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อทำอะไร ระหว่าง

• เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อ เอาไปทำงาน
• เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อ ไปเรียนต่อ 

2 สิ่งนี้เป็น เหตุผลหลักๆ ที่คนต้องการเรียนภาษาอังกฤษ อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นสิ่งที่ทางสถาบันการศึกษา เรียกร้อง ว่าจะต้องผ่านมีคะแนน IELTS (ไอเอล) หรือ TOEFL (โทเฟล) ในระดับคะแนนเท่านั้นเท่านี้ ถ้าไม่ผ่าน ก็ไม่สามารถเข้าเรียนได้

ส่วนในด้านการทำงาน ส่วนใหญ่ ก็จะใช้คะแนน TOEIC (โทอิค) มาเป็นเกณฑ์ในการสมัครงาน ว่าคุณมีภาษาอังกฤษ อยู่ในระดับไหน ถ้าจะทำงานในบริษัทที่มีการแข่งขันสูงๆ หรือ บริษัทต่างชาติ คะแนนโทอิค จะจำเป็นในการใช้วัดระดับภาษาอังกฤษของคุณ เมื่อเข้าทำงาน

หลังจากที่น้องๆรู้แล้วว่า จะเรียนภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไร และ อยู่ระดับไหน

ก็จะช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจ เลือก เรียนคอร์สภาษาอังกฤษ ให้ตรงกับระดับ ของตัวเองให้ง่ายขึ้น และ สามารถเลือกได้ว่า สถาบันไหน เก่งหรือเชี่ยวชาญด้านอะไร จะได้เรียนได้ตรงจุด เพราะทุกสถาบันอ่ะค่ะ เค้าก็บอกหมดว่า เค้าสอนได้ทั้ง ฟังพูดอ่านเขียน แต่ๆ เราต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่า เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษของเค้าเป็นแบบไหน เน้นเกรมม่า เน้นสอบ หรือ เน้นพูด เน้นบทสนทนาภาษาอังกฤษ ได้คุยกับเจ้าของภาษาไหม แต่ละที่ ก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน

วิธีตัดสินใจว่า เราจะเลือก เรียนภาอังกฤษที่ไหนดี ให้ตัดสินใจจาก สิ่งหลักดังนี้

1.เนื้อหาที่เรียน

เนื้อหาที่เรียนเน้นเรียน แกรมม่า เพื่อไปสอบ หรือว่า เน้นการฟัง การพูด การพรีเซ็น หน้าห้องดูว่าเค้าจะสอนอะไรบ้าง อย่าอ่านแต่ชื่อ คอร์ส แล้วก็คิดทึกทักไปเอง ว่าจะได้เรียนอะไร ควรดูด้วยว่า เรียนจบแล้วเนี่ย เราจะได้อะไรจากคอร์สนั้น บ้าง

2.ราคา ของคอร์สที่เรียน

ราคาของคอร์สที่เรียน เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้นั้น เหมาะสมขนาดไหน ถ้าเรียนการฟัง พูด ราคาของคอร์ส อาจจะสูงกว่า การเรียนเกรมม่าทั่วๆไป เพราะจริๆแล้ว เกรมม่าสามารถฝึกเองได้ด้วย แถมเดี๋ยวนี้ก็มี สื่อออนไลน์มากมาย ดังนั้น ราคาจึงไม่ควรแพงเกินไป ให้จำไว้ว่า ยิ่งเราเก่ง ขึ้น ราคาของคอร์สเรียน ก็ควรที่จะถูกลง เหตุผลก็คือ ถ้าเราได้ภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง เราสามารถใช้ ภาษาที่เรามี ในการสืบค้น หาข้อมูลฟรีๆ จากเว็บไซต์ที่ใช้ ภาษาอังกฤษ เองได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง อาจารย์ เสมอไป

3.ความสะดวกในการไปเรียน

ถ้าสถาบันเรียนภาษาสด นั้นไกลบ้านน้องๆ ก็ควรที่จะเรียนใกล้บ้าน หรือ เรียนออนไลน์ดีกว่า เพราะ น้องๆจะได้มีเวลาทบทวน เวลาเราเรียน แต่ถ้าเราไม่ได้ทบทวน ไม่มีเวลาใช้ภาษาเลย สิ่งที่เรียนไปก็ไม่มีความหมาย ถ้าสถาบัน ไกลบ้านเกิน 1 ชั่วโมง น้องๆ ควรพิจารณาแล้วว่าไกลไป ไม่ควรเลือกเรียนที่นั่น แถมตอนนี้ เรียนออนไลน์ สะดวกไปอีก และ มีหลายสถาบันมากนะคะ ทั้งฟรี และ ไม่ฟรี

สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐาน ภาษาอังกฤษเลย หรือ มีน้อยมากๆ ได้มากสุด คือ ตัวอักษร นับเลข บอกเวลา ได้เท่านั้น ไม่สามารถ พูดต่อให้เป็นรูปประโยคได้ เกรมม่า ไม่ค่อยได้ นั้น ควรที่จะเลือก สถาบันสอนภาษาที่ สอนตั้งแต่ เบสิค พื้นฐานเลย ในขั้นตอนนี้ ต้องบอกว่า ถ้าเรียนเอง อาจจะทำให้ ท้อ หมดกำลังใจ แนะนำให้ไปเรียนเป็นกลุ่ม ดีกว่า แต่สิ่งที่ควรฝึกเอง คือ ให้ลองจำคำศัพท์ต่างๆ ใกล้ตัว คำศัพท์ง่าย ด้วยตัวเองด้วย แล้วจะทำให้เป็นไวขึ้น

สถาบันสอนภาษาสำหรับ คนที่ไม่มีพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ

1. ศูนย์ภาษา ม.เกษตร
   เหตุผลก็คือ มีคอร์สให้เลือกหลากหลาย เป็น ศูนย์ภาษา ของมหาวิทยาลัย ชั้นนำ ราคาไม่แพง
2. สถาบันภาษา AUA
   สถาบันภาษา AUA มีหลายสาขา มีให้เลือกหลายคอร์ส ราคาไม่แพง เหมาะกับผู้เริ่มต้น ฝึกภาษาอังกฤษ ที่เน้นการกล้าแสดงออก และ สร้างทัศนคติที่ดีกับภาษาอังกฤษ
3.  ศูนย์ภาษาใกล้บ้าน
   ถ้าน้องๆ อยู่ต่างจังหวัด ให้หาเรียนกับ ศูนย์ภาษา ประจำมหาวิทยาลัย จังหวัดตัวเอง หรือใกล้เคียง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้องอยู่เชียงใหม่ ก็ให้เลือกเรียนกับ ศูนย์ภาษาของ มช เป็นต้น  แต่ถ้าราคายังแรงอยู่ เรียนกับ พี่ข้างบ้านที่รับสอนภาษาอังกฤษ ก็ได้ค่ะ เราสิ่งที่เราต้องการ คือ พื้นฐานเกรมม่า จะได้เรียบเรียงประโยคถูก จะพูด ปฏิเสธ พูดอย่างไร การตั้งคำถาม พูดอย่างไร เป็นต้น

ถ้าน้องๆ อยู่ในกลุ่มที่ พอเข้าใจภาษาอังกฤษ อยู่บ้าง เกรมม่า การเรียงประโยคต่างๆ ก็รู้พอตัว พี่แนะนำให้ไปเรียน สถาบันภาษาที่ตัวเองอยากจะฝึก ซึ่งน้องอาจจะเลือกฝึก แกรมม่า และ คำศัพท์ ที่จะช่วยในเรื่องของการเขียน และ การอ่าน มากยิ่งขึ้น ซึ่งสถาบันที่ เน้นฝึก แกรมม่า และ คำศัพท์ภาษอังกฤษ

เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อ แกรมม่า และ คำศัพท์

1. Enconcept เอ็นคอนเส็ปท์

สถาบันสอนภาษา เอนคอนเซป ดีตรงที่มีคอร์สให้เลือกหลากหลาย คอร์สเด่นๆ ของที่นี่ คือ เแกรมม่า น้องๆจะได้แกรมม่าแน่น พร้อมวิธีการจำต่างๆ แต่จะเป็นการเรียน แบบไทยๆ อารมณ์เอาไปสอบ มากกว่าที่จะ พูดอย่างเจ้าของภาษา แต่ถ้าเลือกเรียน แล้ว ถนัดแนวร้องเพลง ก็อาจจะทำใหชอบ อยากเรียนต่อ ได้ค่ะ

2. ครูสมศรี

น้องๆ ที่มีพื้นฐาน ภาษามาบ้าง แต่ไม่ค่อยมีคำศัพท์ ไม่รู้รากศัพท์ พี่แนะนำให้ไปเรียน ครูสมศรี เพราะจะได้คำศัพท์แน่นมากๆ ซึ่ง เหมาะกับน้อง ที่ไม่รีบยังเรียนหนังสืออยู่ มีเวลาให้ตัวเอง กลับไปทำการบ้าน ท่องศัพท์ อย่างเต็มที่ ในการอ่าน ทำการบ้าน

เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อ การพูด และ การฟัง และการสื่อสาร

1. เรียนส่วนตัว กับอาจารย์ต่างชาติ ใกล้บ้าน

ซึ่งจริงๆมีหลากหลาย สถาบัน แต่ในความรู้สึกพี่คือ

2. ครูพี่ฟาโรส สถาบัน Farose Academy

พี่ฟาโรส จากไกลบ้าน เปิดสถาบันสอนภาษาของตัวเอง ซึ่งถ้าใครดูคลิป พี่เค้า ก็คงจะชอบพี่เค้ากันอยู่แล้ว เพราะพี่ฟาโรส น่ารัก และ มีเทคนิคการอธิบายอะไรที่มันลึกซึ้ง ให้เข้าใจได้ง่ายๆ น้องๆจะได้ทั้งเรียนภาษา และ วัฒนธรรม ไปด้วยในตัว

3. ครูพี่ลูกกอล์ฟ สถาบัน Angkriz

ครูพี่ลูกกอล์ฟ ก็เป็นไอดอล ของหลายๆคน ที่อยากจะปลุกความกล้า ออกสำเนียง ของน้องๆ ออกมา โดยเฉพาะ สำเนียง บริติส

ส่วนน้องๆ ที่ คำศัพท์ได้แล้ว แกรมม่า ก็เข้าใจระดับหนึ่งเลย แต่อยากเพิ่มความเป็น มืออาชีพ เลือกใช้คำศัพท์ได้อย่าง Native Speaker ใช้ภาษาอังกฤษ อย่างมีมารยาท ไม่ใช่เพียงสื่อสารได้ ฮ้วนๆ แต่ ฟังดูดี มีตระกูล ไม่ใช่เพียงแต่สื่อสาร แต่สื่อสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้องๆจะต้องเข้าใจ วัฒนธรรม ภาษาอื่นๆด้วย อย่างเช่น Common Courtesy ต่างๆ

ศูนย์เรียนภาษาเหล่านี้ พี่แนะนำให้เรียนออนไลน์ เลย โดยที่เจ้าของภาษาเป็นคนเขียนหลักสูตร ซึ่งมีให้เลือกมากมาย หลากหลาย

เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ จากเจ้าของภาษาที่เขียนหลักสูตร

1.Cambridge Assessment 

น้องๆสามารถเข้าไปเลือกทักษะที่อยากเรียนได้ ทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นแบบฝึกหัด ภาษาอังกฤษ มีกิจกรรมให้ทำ เพื่อให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และ การเขียน แบบ ฟรีๆ เช็คคอร์สเรียนได้ที่นี Cambridge Assessment 

2. Coursera

เป็น แพลตฟอร์ม สำหรับเรียนออนไลน์ ที่มีทั้งฟรี และ ไม่ฟรี ซึ่งข้อดีของ คอร์สภาษาอังกฤษ ในแพลตฟอร์มนี้คือ จะค่อนข้างเฉพาะเจาะจง แบบ การเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อการเขียนอีเมล แบบนี้ หรือ เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อ ทำการตลาด คือ จะเหมาะกับ ผู้ที่ทำงานแล้ว แล้วต้องการเพิ่มทักษะ พิเศษ ภาษาอังกฤษต่างๆ เช็คคอร์สได้ที่นี่ Coursera

3. Edx
เป็นอีกหนึ่ง แพลตฟอร์ม สำหรับเรียนออนไลน์ ที่หลากหลายสาขาวิชา ที่เปิดให้เลือกเรียนแบบเสียเงิน ที่สามารถเลือกหัวข้อวิชา ระดับความยากง่ายได้ ซึ่งภาษาอังกฤษ ก็เป็น หนึ่งในวิชาที่ มีเปิดสอน เพียงแค่เราไปที่ ช่อง Search แล้วพิมพิ์คำว่า English ลงไป และเลือก ระดับความยากง่าย ได้เลย ซึ่งมีทั้ง ภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ภาษาอังกฤษระดับสูง เช็คคอร์สได้ที่นี่ Edx